Mon -Sat 08:00-18:00

Tel : 062-336-9655

info@atcinsu.com

บริษัท เอ.ที.คอน อินซูเลชั่น จำกัด เรียกว่าสั้นๆ ว่า เอ.ที.โฟม หรือ เอ.ที.คอน คือบริษัทเดียวกัน ที่ขายโฟม EPS

พื้นโฟม

พื้นโฟม EPS (Expanded Polystyrene) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าโฟมขาว

เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างมากในงานก่อสร้าง โดยเฉพาะงานพื้น เนื่องจากมีน้ำหนักเบา มีคุณสมบัติเป็นฉนวนที่ดี และใช้งานง่าย

การใช้งานพื้นโฟม EPS (Expanded Polystyrene)

EPS Foam ในงานพื้นมีประโยชน์หลายอย่าง:

  1. ปรับระดับพื้นและลดต้นทุน: โฟม EPS มีน้ำหนักเบามาก ช่วยลดภาระของโครงสร้างอาคารและเสาเข็ม ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการเพิ่มความหนาของพื้น
  2. ฉนวนกันความร้อน: EPS Foam เป็นฉนวนกันความร้อนที่ดีเยี่ยม ช่วยลดการถ่ายเทความร้อนจากพื้นดินเข้าสู่อาคาร ทำให้ภายในอาคารเย็นสบายในหน้าร้อนและอบอุ่นในหน้าหนาว ช่วยประหยัดพลังงานในการทำความร้อน/ความเย็น
  3. ฉนวนกันเสียง: สามารถช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกและภายในอาคารได้ในระดับหนึ่ง
  4. รองรับน้ำหนักและลดการทรุดตัว: แม้จะเบา แต่โฟม EPS มีความสามารถในการรับแรงกดได้ดี (ขึ้นอยู่กับความหนาแน่น) สามารถใช้เป็นวัสดุถม หรือรองรับพื้นคอนกรีต เพื่อลดการทรุดตัวของดิน
  5. การใช้งานร่วมกับระบบทำความร้อนใต้พื้น (Radiant Floor Heating): แผ่นโฟม EPS ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษพร้อมร่องสำหรับวางท่อทำความร้อน สามารถช่วยกระจายความร้อนได้อย่างสม่ำเสมอ

วิธีการเลือกพื้นโฟม EPS

การเลือกพื้นโฟม EPS ให้เหมาะสมกับการใช้งานต้องพิจารณาจากปัจจัยสำคัญหลายประการ:

  1. ความหนาแน่น (Density): เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อคุณสมบัติของโฟม EPS โดยทั่วไปยิ่งความหนาแน่นสูงเท่าไหร่ ความแข็งแรงในการรับแรงกดก็จะยิ่งสูงขึ้น และมีคุณสมบัติความเป็นฉนวนที่ดีขึ้น แต่ก็มีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย
    • หน่วยความหนาแน่น: มักวัดเป็นกิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (kg/m³) หรือ ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต (lb/ft³)
    • ระดับความหนาแน่นที่พบบ่อย (ในหน่วยปอนด์):
      • 0.60 ปอนด์ (N-Grade): เป็นเกรดธรรมดา สามารถติดไฟลามได้ เหมาะสำหรับงานที่ไม่ต้องการรับน้ำหนักมากนัก เช่น บรรจุภัณฑ์ หรือฉนวนผนังบางประเภท
      • 0.80 ปอนด์ (F-Grade): เป็นเกรดไม่ลามไฟ (Self-Extinguishing) ติดไฟได้แต่เชื้อเพลิงจะไม่ลุกลามต่อและดับได้เองภายใน 3-5 วินาที เหมาะสำหรับงานฉนวนทั่วไปที่ต้องการความปลอดภัยเรื่องไฟ
      • 1.00 – 2.00 ปอนด์ขึ้นไป: เหมาะสำหรับงานพื้นและโครงสร้างที่ต้องรับน้ำหนักปานกลางถึงมาก เช่น การปรับระดับพื้นใต้คอนกรีต เพื่อลดต้นทุนงานเสาเข็ม ช่างมักนิยมใช้ความหนาแน่น 1.5 ปอนด์ หรือ 2.0 ปอนด์ขึ้นไปสำหรับงานพื้น
      • Higher Density (SL, M, H, VH): บางผู้ผลิตอาจแบ่งเกรดตามความหนาแน่นเป็น Standard Light (SL), Medium (M), High (H), Very High (VH) ซึ่งมีค่าความหนาแน่นตั้งแต่ 13.5 kg/m³ ไปจนถึง 28 kg/m³ หรือมากกว่านั้น
  2. กำลังอัด (Compressive Strength): เป็นค่าที่บอกว่าโฟมสามารถทนแรงกดได้มากน้อยแค่ไหน ก่อนที่จะเกิดการผิดรูปถาวรหรือเสียหาย วัดเป็นกิโลพาสคาล (kPa) หรือปอนด์ต่อตารางนิ้ว (psi) สำหรับงานพื้นหรือพื้นที่ที่ต้องรับน้ำหนักมาก ควรเลือกโฟมที่มีกำลังอัดสูง (เช่น 100 kPa ขึ้นไปสำหรับพื้นหรือหลังคา)
  3. คุณสมบัติการไม่ลามไฟ (Fire Retardant Grade – F-Grade): หากมีความกังวลเรื่องอัคคีภัย ควรเลือกใช้โฟม EPS ชนิดไม่ลามไฟ (F-Grade หรือ FR-Grade) ซึ่งมีสารเติมแต่งที่ช่วยให้โฟมดับไฟได้เองเมื่อนำแหล่งเชื้อเพลิงออกไป
  4. ค่าความเป็นฉนวน (R-value หรือ ค่า K): ค่า R-value ยิ่งสูง ยิ่งเป็นฉนวนที่ดี หรือค่า K (Thermal Conductivity) ยิ่งต่ำ ยิ่งเป็นฉนวนที่ดี ความหนาแน่นที่สูงขึ้นมักให้ค่า R-value ที่ดีขึ้น
  5. ความหนาของแผ่นโฟม: เลือกความหนาตามความต้องการของฉนวนกันความร้อนและความแข็งแรงที่ต้องการ โดยทั่วไปจะใช้ความหนาตั้งแต่ 25 มม. ถึง 100 มม. หรือมากกว่านั้นตามความจำเป็น
  6. การดูดซึมน้ำ: แม้ EPS จะมีการดูดซึมน้ำต่ำ แต่ก็ยังสามารถดูดซึมน้ำได้บ้าง หากใช้ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงมาก อาจต้องพิจารณาใช้ร่วมกับแผ่นกันความชื้น (Vapor Barrier)
  7. ขนาดมาตรฐาน: โฟม EPS มีขนาดมาตรฐานที่นิยมใช้ เช่น กว้าง 1.20 เมตร x ยาว 2.40 เมตร หรือ 1.20 เมตร x 3.00 เมตร แต่บางผู้ผลิตสามารถสั่งผลิตขนาดพิเศษได้

Add a compelling title for your section to engage your audience.

Use this paragraph section to get your website visitors to know you. Consider writing about you or your organization, the products or services you offer, or why you exist. Keep a consistent communication style.

Add a descriptive title for the column.

การแยกประเภทโฟม EPS

โฟม EPS สามารถแยกประเภทหลักๆ ได้ตามคุณสมบัติและลักษณะการใช้งาน:

  1. แบ่งตามเกรดการลามไฟ:
    • N-Grade (Normal Grade): โฟม EPS ชนิดธรรมดา สามารถติดไฟและลุกลามได้
    • F-Grade (Fire Retardant Grade / Flame Retardant Grade): โฟม EPS ชนิดไม่ลามไฟ หรือหน่วงการลามไฟ มีสารเคมีที่ช่วยให้โฟมดับไฟได้เองเมื่อเอาแหล่งเชื้อเพลิงออกไป เป็นที่นิยมใช้ในงานก่อสร้างเพื่อความปลอดภัย
  2. แบ่งตามความหนาแน่น (Density Grade):
    • Standard Light (SL): ความหนาแน่นต่ำสุด (ประมาณ 13.5 kg/m³) เหมาะสำหรับงานที่ไม่ต้องการรับน้ำหนักมาก เช่น บรรจุภัณฑ์ หรือฉนวนกันความร้อนแบบเบา
    • Medium (M): ความหนาแน่นปานกลาง (ประมาณ 19 kg/m³) ใช้ในงานก่อสร้างทั่วไป เช่น ผนังเบา
    • High (H): ความหนาแน่นสูง (ประมาณ 24 kg/m³) เหมาะสำหรับงานที่ต้องการรับแรงกด เช่น พื้น ผนัง หรือหลังคา
    • Very High (VH): ความหนาแน่นสูงมาก (ประมาณ 28 kg/m³) ใช้ในงานโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ เช่น Geofoam สำหรับงานถมที่ดิน
  3. แบ่งตามการใช้งานเฉพาะทาง:
    • EPS Geofoam: เป็นโฟม EPS ที่มีความหนาแน่นสูงเป็นพิเศษ ใช้เป็นวัสดุอุดช่องว่างหรือลดน้ำหนักในงานวิศวกรรมโยธา เช่น การถมคันดิน การปรับระดับถนน หรือใช้ในงานภูมิสถาปัตยกรรม
    • EPS สำหรับงาน Sandwich Panel: แผ่นโฟม EPS ที่ถูกประกบด้วยวัสดุผิวหน้าสองด้าน เช่น แผ่นเหล็ก หรือซีเมนต์บอร์ด ใช้ทำเป็นผนังสำเร็จรูป ผนังห้องเย็น หรือผนังคลีนรูม มีคุณสมบัติเป็นฉนวนที่ดีและติดตั้งง่าย
    • EPS สำหรับงานหล่อคอนกรีต (Concrete Formwork): ใช้เป็นแบบหล่อคอนกรีตที่สามารถทิ้งไว้ในโครงสร้างได้ เพื่อเพิ่มความเป็นฉนวนและลดน้ำหนัก

ข้อดีและข้อเสียของการใช้พื้นโฟม EPS เพิ่มเติม

ข้อดี (เพิ่มเติม):

  • ประหยัดพลังงาน: อย่างที่กล่าวไป EPS เป็นฉนวนที่ดีมาก ทำให้ลดการใช้พลังงานในการปรับอุณหภูมิภายในอาคาร ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องทำความร้อน
  • ลดน้ำหนักโครงสร้าง: การใช้โฟม EPS แทนการถมดินหรือคอนกรีตหนาๆ ช่วยลดน้ำหนักรวมของอาคารลงได้มาก ซึ่งส่งผลให้ประหยัดค่าโครงสร้างและเสาเข็ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีปัญหาดินอ่อน
  • ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว: โฟม EPS มีน้ำหนักเบา ตัดแต่งได้ง่าย ทำให้กระบวนการก่อสร้างรวดเร็วขึ้น ประหยัดค่าแรงงานและเวลา
  • ลดเสียงรบกวน: มีคุณสมบัติช่วยลดการส่งผ่านเสียงได้ในระดับหนึ่ง เหมาะสำหรับอาคารที่ต้องการความเงียบสงบ
  • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: โฟม EPS สามารถนำไปรีไซเคิลได้ และไม่มีสาร CFCs หรือ HCFCs ที่ทำลายชั้นโอโซนในกระบวนการผลิต

ข้อเสียและข้อควรระวัง (เพิ่มเติม):

  • ความแข็งแรงต่อแรงกด: แม้จะรับแรงกดได้ดี แต่ถ้าใช้โฟมความหนาแน่นต่ำในพื้นที่ที่ต้องรับน้ำหนักมาก อาจเกิดการยุบตัวได้ จึงต้องเลือกความหนาแน่นให้เหมาะสม
  • การติดไฟ: แม้จะมีเกรดไม่ลามไฟ (F-Grade) แต่โฟม EPS ก็ยังเป็นวัสดุที่ติดไฟได้ หากสัมผัสกับเปลวไฟโดยตรง และจะหลอมเหลวเมื่อโดนความร้อนสูง อย่างไรก็ตาม F-Grade จะไม่ลุกลามต่อเนื่องและดับได้เองในเวลาอันสั้น แต่ในการใช้งานภายในอาคาร มักจะมีการหุ้มด้วยวัสดุที่ไม่ติดไฟ เช่น คอนกรีต ปูนฉาบ หรือแผ่นยิปซัม เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
  • การป้องกันสัตว์รบกวน: โฟม EPS ไม่ได้เป็นอาหารของปลวกหรือสัตว์อื่นๆ แต่ก็สามารถถูกเจาะโพรงได้ หากไม่ได้รับการป้องกันที่ดี ควรมีการใช้สารกันปลวกหรือวางระบบป้องกันปลวกใต้พื้นก่อนการติดตั้ง
  • ความไวต่อรังสียูวี: โฟม EPS ไม่ทนต่อรังสียูวี หากปล่อยให้สัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานานจะเกิดการเสื่อมสภาพ ผิวหน้าจะกลายเป็นสีเหลืองและร่วนสลายได้ง่าย จึงต้องมีการปกปิดด้วยวัสดุอื่นเสมอ
  • การจัดการเศษโฟม: การตัดแต่งโฟมอาจทำให้เกิดเศษเล็กๆ ปลิวได้ ควรมีการจัดการที่ดีเพื่อสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อม

ขั้นตอนการติดตั้งพื้นโฟม EPS ในงานก่อสร้าง (แนวทางปฏิบัติ)

การติดตั้งพื้นโฟม EPS โดยทั่วไปมีขั้นตอนดังนี้:

  1. การเตรียมพื้นที่:
    • ปรับระดับพื้นดินหรือโครงสร้างเดิมให้เรียบเสมอกัน อาจใช้ทรายปรับระดับหรือเทคอนกรีตปรับระดับบางๆ ก่อน
    • ทำความสะอาดพื้นที่ให้ปราศจากเศษวัสดุ แหลมคม หรือสิ่งสกปรก
    • หากเป็นพื้นชั้นล่างที่สัมผัสกับดิน ควรพิจารณาติดตั้งแผ่นกันความชื้น (Vapor Barrier) ใต้แผ่นโฟมเพื่อป้องกันความชื้นจากดิน
  2. การวางแผ่นโฟม EPS:
    • วางแผ่นโฟม EPS ลงบนพื้นที่ที่เตรียมไว้ให้เต็มพื้นที่ โดยให้แต่ละแผ่นชิดกันมากที่สุด
    • ในกรณีที่ต้องตัดแต่งแผ่นโฟมให้เข้ากับรูปทรงของพื้นที่ สามารถใช้เลื่อยธรรมดาหรือเครื่องมือตัดโฟมในการตัดได้
    • หากพื้นมีความหนามาก อาจวางแผ่นโฟมซ้อนกันหลายชั้น โดยควรวางให้รอยต่อของแต่ละชั้นไม่ตรงกัน (Staggered Joints) เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและลดการเกิดช่องว่าง
    • ในบางกรณี อาจมีการใช้กาวสำหรับโฟมหรือน้ำยาประสานซีเมนต์ (bonding agent) เพื่อยึดแผ่นโฟมเข้าด้วยกันหรือยึดกับพื้นด้านล่าง
  3. การวางเหล็กเสริม (Wire Mesh / Rebar):
    • เมื่อวางแผ่นโฟมครบแล้ว ให้วางตะแกรงเหล็กไวร์เมช (Wire Mesh) หรือเหล็กเส้น (Rebar) บนแผ่นโฟม เพื่อเสริมแรงให้พื้นคอนกรีตด้านบน ป้องกันการแตกร้าวจากการหดตัวและการรับน้ำหนัก
    • ควรมีการหนุนเหล็กเสริมให้ลอยขึ้นเล็กน้อย (ประมาณ 2−3 ซม.) จากผิวโฟม เพื่อให้คอนกรีตสามารถหุ้มเหล็กได้ทั่วถึง
  4. การเทคอนกรีตทับหน้า (Topping/Screed):
    • เทคอนกรีตทับหน้าลงบนแผ่นโฟมที่วางเหล็กเสริมแล้ว โดยมีความหนาตามที่ออกแบบไว้ (โดยทั่วไปประมาณ 5−10 ซม. ขึ้นอยู่กับการใช้งาน)
    • ทำการเกลี่ยและปรับระดับคอนกรีตให้เรียบเนียน
    • ดูแลการบ่มคอนกรีต (Curing) ให้เป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อให้ได้คอนกรีตที่แข็งแรงและไม่มีการแตกร้าว

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม

  • ผู้ผลิตและคุณภาพ: เลือกซื้อจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐานการผลิต และมีข้อมูลคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ชัดเจน
  • การติดตั้ง: โฟม EPS ติดตั้งง่าย มีน้ำหนักเบา ตัดแต่งได้ตามต้องการ แต่ควรใช้น้ำยาประสานซีเมนต์ หรือกาวที่เหมาะสมในการยึดติดโฟม และอาจต้องเสริมด้วยตะแกรงกรงไก่เพื่อช่วยในการยึดเกาะของปูนฉาบสำหรับงานผนัง
  • การเก็บรักษา: ควรเก็บโฟม EPS ให้พ้นจากแสงแดดโดยตรงและความร้อนสูง เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของวัสดุ
  • การรีไซเคิล: โฟม EPS สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ควรพิจารณาเรื่องนี้เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ขอรายละเอียดเพิ่มเติม

ขอใบเสนอราคา

สายด่วนงานโฟม โทร. 062-336-9655, 062-585-4499, 082-440-2525