วิธีการเลือกโฟมกันกระแทก EPS

การเลือกโฟม EPS ที่เหมาะสมกับการใช้งานจะช่วยให้สินค้าได้รับการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุด โดยมีปัจจัยที่ควรพิจารณา ดังนี้:

1. ความหนาแน่น (Density):
   • ความหนาแน่นคืออะไร: เป็นตัวบ่งชี้ถึงปริมาณเนื้อโฟมต่อปริมาตรที่กำหนด มักจะระบุเป็นหน่วยกิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (kg/m³) หรือ ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต (lb/ft³)
   • ผลต่อคุณสมบัติ:
     • โฟมความหนาแน่นต่ำ (Low Density): (เช่น 10-15 kg/m³) มีความยืดหยุ่นสูง ดูดซับแรงกระแทกได้ดี เหมาะสำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักเบาและเปราะบาง เช่น เครื่องแก้ว เซรามิก อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก มักใช้เป็นแผ่นรอง ห่อหุ้ม หรือขึ้นรูปทั่วไป
     • โฟมความหนาแน่นปานกลาง (Medium Density): (เช่น 15-25 kg/m³) มีความแข็งแรงและดูดซับแรงกระแทกได้ดี เหมาะสำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักปานกลางถึงหนัก เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็ก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่
     • โฟมความหนาแน่นสูง (High Density): (เช่น 25 kg/m³ ขึ้นไป) มีความแข็งแรงมาก ทนทานต่อแรงกดทับสูง เหมาะสำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักมาก ต้องการการรองรับแรงกดทับสูง หรือใช้ในงานโครงสร้าง เช่น เครื่องจักรขนาดใหญ่ อะไหล่รถยนต์
   • หลักการเลือก: ยิ่งสินค้ามีน้ำหนักมากและต้องการการป้องกันแรงกระแทกที่รุนแรงมากเท่าไหร่ ก็ควรเลือกโฟมที่มีความหนาแน่นสูงขึ้นเท่านั้น
2. การขึ้นรูป (Shape and Customization):
   • แผ่น/บล็อกมาตรฐาน: เหมาะสำหรับสินค้าทั่วไปที่ไม่ได้มีรูปทรงซับซ้อนมากนัก สามารถนำมาตัดหรือดัดแปลงเองได้
   • ขึ้นรูปเฉพาะ (Custom Molded): เหมาะสำหรับสินค้าที่มีรูปทรงเฉพาะ เจาะจง เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือแพทย์ การขึ้นรูปเฉพาะจะช่วยให้โฟมโอบรับสินค้าได้พอดี ลดการเคลื่อนที่ และให้การป้องกันสูงสุด แต่อาจมีต้นทุนเริ่มต้นที่สูงกว่า
   • การตัดด้วย CNC (CNC Cutting): ใช้สำหรับตัดโฟมจากบล็อกขนาดใหญ่ให้เป็นรูปทรงที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ เหมาะสำหรับงานต้นแบบ หรืองานที่ต้องการความละเอียดสูง แต่ไม่มีปริมาณมากพอที่จะทำแม่พิมพ์
3. ขนาดและความหนา (Size and Thickness):
   • พิจารณาจากขนาดของสินค้าและช่องว่างภายในกล่องบรรจุภัณฑ์
   • ความหนาของโฟมที่ใช้ควรเพียงพอที่จะรองรับแรงกระแทกที่คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ และให้ระยะห่างที่เหมาะสมระหว่างสินค้ากับผนังกล่อง
4. คุณสมบัติพิเศษ (Special Properties):
   • สารกันไฟฟ้าสถิต (Anti-static EPS): โฟมสีชมพู มักจะเติมสารเคมีบางชนิดลงไปเพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิต ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับบรรจุภัณฑ์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่อ่อนไหวต่อไฟฟ้าสถิต
   • สารหน่วงการติดไฟ (Flame Retardant EPS): โฟมที่มีคุณสมบัติหน่วงการติดไฟ เหมาะสำหรับใช้งานในบางอุตสาหกรรมที่ต้องการความปลอดภัยด้านอัคคีภัยสูง (ส่วนใหญ่ใช้ในงานก่อสร้าง)
   • รีไซเคิล (Recycled Content): หากคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สามารถเลือกโฟม EPS ที่มีส่วนผสมของวัสดุรีไซเคิลได้
5. ต้นทุน (Cost):
   • เปรียบเทียบราคาจากผู้ผลิตหลายราย และพิจารณาความคุ้มค่ากับระดับการป้องกันที่ได้รับ
   • การขึ้นรูปเฉพาะอาจมีต้นทุนแม่พิมพ์ที่สูงกว่า แต่ในระยะยาว หากมีปริมาณการผลิตมาก อาจประหยัดกว่าการใช้โฟมแผ่นมาตัดเอง