Mon -Sat 08:00-18:00

Tel : 062-336-9655

info@atcinsu.com

บริษัท เอ.ที.คอน อินซูเลชั่น จำกัด เรียกว่าสั้นๆ ว่า เอ.ที.โฟม หรือ เอ.ที.คอน คือบริษัทเดียวกัน ที่ขายโฟม EPS
เม็ดโฟม EPS หรือ Expanded Polystyrene อันเป็นวัสดุโพลีเมอร์สังเคราะห์ที่ผลิตจาก เม็ดพลาสติกโพลีสไตรีน ที่ผ่านกระบวนการขยายตัวด้วยไอน้ำอย่างพิถีพิถันนี้ ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมต่างๆ เนื่องจากมีคุณสมบัติเด่นในด้าน น้ำหนักเบา อย่างเหลือเชื่อ พร้อมด้วยศักยภาพในการเป็น ฉนวนกันความร้อน และ ฉนวนกันเสียง ที่มีประสิทธิภาพสูง อันเป็นผลมาจากโครงสร้างเซลล์ปิดอันเป็นเอกลักษณ์ที่กักเก็บอากาศไว้ภายในจำนวนมหาศาล ทำให้สามารถลดการถ่ายเทอุณหภูมิได้อย่างยอดเยี่ยม

คำถามที่พบบ่อย (XPS Foam)

สุดยอดคู่มือฉบับสมบูรณ์ ไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ XPS Foam (ฉนวนใยแก้วอัดขึ้นรูป)

คุณกำลังมองหา ฉนวนกันความร้อน ประสิทธิภาพสูงที่ตอบโจทย์งานก่อสร้างทุกรูปแบบอยู่ใช่ไหม? XPS Foam (Extruded Polystyrene Foam) คือคำตอบที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่น ทั้งเรื่อง การประหยัดพลังงาน การทนทานต่อ ความชื้น และ แรงกด สูง ทำให้ XPS Foam เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในงานสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมยุคใหม่ ในคู่มือฉบับสมบูรณ์นี้ เราได้รวบรวม คำถามและคำตอบ ที่ ครอบคลุม และ ใช้งานได้จริง เกี่ยวกับ XPS Foam ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงประเด็นทางเทคนิคที่สำคัญ เพื่อให้คุณเข้าใจทุกแง่มุมของฉนวนชนิดนี้ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในโครงการของคุณได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นงาน หลังคาคว่ำ ผนัง พื้นห้องเย็น หรือแม้แต่ สวนดาดฟ้า เราจะเจาะลึกถึง ข้อดีข้อเสีย การติดตั้ง ค่า R-Value และ K-Value รวมถึงความปลอดภัยและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาค้นพบว่าทำไม XPS Foam จึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและยั่งยืนสำหรับอาคารของคุณ!

XPS Foam คืออะไร? และมีคุณสมบัติเด่นอะไรบ้าง?

คำตอบ: XPS Foam ย่อมาจาก Extruded Polystyrene Foam คือแผ่นฉนวนกันความร้อนชนิดแข็งที่ผลิตจากเม็ดพลาสติก Polystyrene บริสุทธิ์ ด้วยกระบวนการ Extrusion ทำให้โครงสร้างเซลล์ภายในเป็นแบบปิด (Closed-cell structure) และมีความสม่ำเสมอสูง คุณสมบัติเด่นของ XPS Foam ได้แก่:
ค่าการนำความร้อนต่ำมาก (Low Thermal Conductivity): เป็นฉนวนกันความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดการถ่ายเทความร้อนได้ดีเยี่ยม
กันน้ำและความชื้นได้ดีเยี่ยม (Excellent Water and Moisture Resistance): โครงสร้างเซลล์ปิดทำให้ไม่ดูดซับน้ำและทนทานต่อความชื้นสูง
รับแรงกดได้สูง (High Compressive Strength): แข็งแรง ทนทานต่อแรงกดได้ดี ไม่ยุบตัวง่าย
น้ำหนักเบา (Lightweight): สะดวกในการขนส่ง ติดตั้ง และลดภาระโครงสร้างอาคาร
ทนทานต่อสารเคมีบางชนิด (Chemical Resistance): ทนทานต่อสารเคมีทั่วไปที่ใช้ในงานก่อสร้าง
ไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย (Mold and Bacteria Resistant): เนื่องจากไม่ดูดซับความชื้น
ติดตั้งง่าย (Easy to Install): สามารถตัด เจาะ หรือติดตั้งได้ง่ายด้วยเครื่องมือทั่วไป
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Environmentally Friendly): หลายผลิตภัณฑ์ไม่มีสาร CFCs หรือ HCFCs ที่ทำลายชั้นโอโซน และสามารถนำไปรีไซเคิลได้

XPS Foam แตกต่างจาก EPS Foam (Expanded Polystyrene Foam) อย่างไร?

คำตอบ: ความแตกต่างหลักระหว่าง XPS Foam และ EPS Foam อยู่ที่กระบวนการผลิตและโครงสร้างเซลล์ ซึ่งส่งผลให้มีคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ:

คุณสมบัติ

XPS Foam (Extruded Polystyrene Foam)

EPS Foam (Expanded Polystyrene Foam)

กระบวนการผลิต

อัดรีดเม็ดพลาสติกผ่านหัวฉีดร้อน (Extrusion Process)

อบไอน้ำให้เม็ดพลาสติกขยายตัวและเชื่อมติดกัน (Molding Process)

โครงสร้างเซลล์

เซลล์ปิด (Closed-cell) มีความหนาแน่นสูง สม่ำเสมอ

เซลล์เปิด (Open-cell) มีโพรงอากาศเล็กๆ เชื่อมต่อกัน

การดูดซับน้ำ

ต่ำมาก ไม่ดูดซับน้ำและทนทานต่อความชื้นได้ดีเยี่ยม

สูงกว่า ดูดซับน้ำได้บ้างเมื่อสัมผัสเป็นเวลานาน

ค่าการนำความร้อน

ต่ำกว่า ประสิทธิภาพการเป็นฉนวนสูงกว่า

สูงกว่า ประสิทธิภาพการเป็นฉนวนรองลงมา

ความแข็งแรง/รับแรงกด

สูงกว่ามาก ทนทานต่อแรงกดได้ดีเยี่ยม

ต่ำกว่า ยุบตัวง่ายกว่าเมื่อเจอแรงกดสูง

ความหนาแน่น

สูงกว่า มักอยู่ระหว่าง 28-40 kg/m³

ต่ำกว่า มักอยู่ระหว่าง 15-25 kg/m³

การใช้งานหลัก

พื้น, ผนังใต้ดิน, หลังคาคว่ำ, ห้องเย็น, ฉนวนเรือนกระจก

ผนังเบา, หลังคา, บรรจุภัณฑ์, งานตกแต่ง

ราคา

สูงกว่า EPS Foam

ต่ำกว่า XPS Foam

XPS Foam ใช้ประโยชน์ในงานก่อสร้างประเภทใดได้บ้าง? (เน้นการใช้งานจริง)

คำตอบ: XPS Foam มีคุณสมบัติเด่นที่เหมาะกับการใช้งานในงานก่อสร้างหลากหลายประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่ต้องการประสิทธิภาพการกันความร้อนสูงและทนทานต่อความชื้น:
ฉนวนกันความร้อนสำหรับหลังคา (Roof Insulation):
หลังคาคว่ำ (Inverted Roof/Protected Membrane Roof): วางแผ่น XPS Foam เหนือแผ่นกันซึม เพื่อปกป้องแผ่นกันซึมจากแสงแดดและความร้อนโดยตรง ช่วยยืดอายุการใช้งานแผ่นกันซึม และรักษาอุณหภูมิภายในอาคารให้คงที่
หลังคาดาดฟ้า (Flat Roofs): ใช้เป็นฉนวนใต้พื้นคอนกรีต หรือใต้กระเบื้องเพื่อลดการถ่ายเทความร้อนเข้าสู่อาคาร
ฉนวนกันความร้อนสำหรับผนัง (Wall Insulation):
ผนังใต้ดินและฐานราก (Basement and Foundation Walls): ป้องกันความชื้นและความร้อนจากภายนอกเข้าสู่พื้นที่ใต้ดิน ช่วยลดการควบแน่น
ผนังภายในและภายนอกอาคาร: ใช้เป็นแกนกลางผนังสองชั้น (Cavity Wall) หรือติดตั้งภายนอกใต้ผิวฉาบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกันความร้อนให้แก่อาคารประหยัดพลังงาน
ฉนวนกันความร้อนสำหรับพื้น (Floor Insulation):
พื้นห้องเย็นและห้องแช่แข็ง (Cold Storage and Freezer Floors): ป้องกันการถ่ายเทความร้อนจากพื้นดินเข้าสู่ห้องเย็น ลดภาระของระบบทำความเย็น และป้องกันการเกิดน้ำแข็งใต้พื้น
พื้นอาคารทั่วไป: ใต้พื้นคอนกรีต หรือใต้ไม้ปาร์เก้/ลามิเนต เพื่อลดความร้อนจากพื้นดินและเพิ่มความสบายในการอยู่อาศัย
ฉนวนสำหรับห้องเย็นและตู้แช่แข็ง (Cold Room and Freezer Insulation): ใช้เป็นวัสดุหลักในการสร้างผนัง เพดาน และพื้นของห้องเย็น เนื่องจากมีค่า K ต่ำมากและไม่ดูดซับความชื้น
ฉนวนสำหรับงานภูมิทัศน์และสวนดาดฟ้า (Landscape and Green Roofs): ใช้เป็นชั้นรองรับใต้ชั้นดินปลูก เพื่อป้องกันรากพืชทำลายโครงสร้าง และช่วยระบายน้ำ
ฉนวนสำหรับสระว่ายน้ำ (Swimming Pool Insulation): ใต้พื้นและรอบผนังของสระว่ายน้ำ เพื่อรักษาอุณหภูมิน้ำให้คงที่และลดพลังงานในการทำความร้อน/เย็น

ข้อดีของการใช้ XPS Foam ในงานหลังคาคว่ำ (Inverted Roof System) คืออะไร?

คำตอบ: การใช้ XPS Foam ในระบบหลังคาคว่ำเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากมีข้อดีหลายประการ:
ปกป้องแผ่นกันซึม (Membrane Protection): XPS Foam จะวางอยู่เหนือแผ่นกันซึม ทำให้แผ่นกันซึมได้รับการปกป้องจากรังสียูวีโดยตรง, การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่รุนแรง, และความเสียหายทางกายภาพ (เช่น การเดินเหยียบ, ของตกใส่) ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของแผ่นกันซึมได้อย่างมีนัยสำคัญ
ประสิทธิภาพการกันความร้อนสูงตลอดอายุการใช้งาน: แม้จะสัมผัสกับความชื้นบ้าง (จากฝน) XPS Foam ก็ยังคงคุณสมบัติการเป็นฉนวนได้ดี เนื่องจากมีโครงสร้างเซลล์ปิด ทำให้ไม่ดูดซับน้ำและไม่สูญเสียประสิทธิภาพการกันความร้อน
ลดภาระโครงสร้าง: XPS Foam มีน้ำหนักเบา ทำให้ไม่เพิ่มภาระโครงสร้างของอาคารมากนัก เมื่อเทียบกับวัสดุฉนวนบางชนิด
ติดตั้งง่าย: แผ่น XPS Foam มีน้ำหนักเบาและสามารถตัดแต่งได้ง่าย ทำให้การติดตั้งทำได้รวดเร็วและสะดวก
ลดปัญหาการควบแน่น (Condensation): ช่วยรักษาระดับอุณหภูมิบนพื้นผิวโครงสร้างหลังคาให้สูงกว่าจุดน้ำค้าง (Dew Point) ลดโอกาสเกิดการควบแน่น
ประหยัดพลังงาน: ด้วยประสิทธิภาพการเป็นฉนวนที่ดีเยี่ยม ช่วยลดการใช้พลังงานของระบบปรับอากาศภายในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ

ค่า R-Value และ K-Value ของ XPS Foam คืออะไร และสำคัญอย่างไรในการเลือกใช้?

คำตอบ: ค่า R-Value และ K-Value เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพของฉนวนกันความร้อนที่สำคัญมาก:
ค่าการนำความร้อน (K-Value หรือ Lambda Value):
คือค่าที่บอกความสามารถในการนำความร้อนของวัสดุ (Thermal Conductivity) มีหน่วยเป็น W/(m·K) หรือ Btu/(hr·ft·°F)
ยิ่งค่า K-Value ต่ำมากเท่าไหร่ วัสดุนั้นยิ่งเป็นฉนวนกันความร้อนที่ดีมากเท่านั้น
XPS Foam โดยทั่วไปจะมีค่า K-Value ต่ำมาก อยู่ในช่วงประมาณ $0.028 – 0.032 \text{ W/(m·K)}$ ซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพการเป็นฉนวนที่ยอดเยี่ยม
ค่าความต้านทานความร้อน (R-Value):
คือค่าที่บอกความสามารถในการต้านทานการไหลของความร้อนผ่านวัสดุ (Thermal Resistance) มีหน่วยเป็น m²·K/W หรือ ft²·hr·°F/Btu
ยิ่งค่า R-Value สูงมากเท่าไหร่ วัสดุนั้นยิ่งเป็นฉนวนกันความร้อนที่ดีมากเท่านั้น
ค่า R-Value จะขึ้นอยู่กับความหนาของฉนวนด้วย โดยสามารถคำนวณได้จากสูตร: R=ความหนา (เมตร)/K-Value
ในการเลือกใช้ XPS Foam ควรพิจารณา R-Value ที่ต้องการเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการกันความร้อนที่เหมาะสมกับพื้นที่และการใช้งานนั้นๆ เช่น หากต้องการ R-Value สูง ก็ต้องเลือก XPS Foam ที่มีความหนามากขึ้น
ความสำคัญ: การพิจารณาค่า K-Value และ R-Value ช่วยให้ผู้ออกแบบและผู้ใช้งานสามารถเลือกชนิดและความหนาของ XPS Foam ที่เหมาะสมกับความต้องการในการประหยัดพลังงาน และสภาพแวดล้อมของอาคารได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่ากับการลงทุน

XPS Foam มีความทนทานต่อแรงกด (Compressive Strength) เท่าไหร่ และมีความสำคัญอย่างไร?

คำตอบ: XPS Foam มีคุณสมบัติเด่นคือ ความทนทานต่อแรงกด (Compressive Strength) สูง โดยทั่วไปค่า Compressive Strength ของ XPS Foam จะอยู่ระหว่าง 200−700 kPa (กิโลปาสคาล) หรือประมาณ 20−70 ตัน/ตร.ม. (สำหรับค่าเฉลี่ย) ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นและผู้ผลิตบางรายอาจผลิตรุ่นที่รับแรงกดได้สูงกว่านี้
ความสำคัญ:
รองรับน้ำหนักได้ดี: ความสามารถในการรับแรงกดสูงทำให้ XPS Foam เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องรองรับน้ำหนักมาก เช่น พื้นโรงงาน, พื้นห้องเย็นที่ต้องใช้รถโฟล์คลิฟท์, หรือใต้พื้นดินที่มีการจราจร
ไม่ยุบตัวง่าย: โครงสร้างเซลล์ปิดที่แข็งแรงทำให้แผ่นฉนวนไม่ยุบตัวหรือเสียรูปทรงเมื่อถูกกดทับเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาประสิทธิภาพการเป็นฉนวนและโครงสร้างโดยรวมของอาคาร
การใช้งานเฉพาะทาง: มีความสำคัญมากในงานหลังคาคว่ำที่ต้องมีการติดตั้งวัสดุชั้นบน (เช่น กรวด, ดินปลูก) หรือในงานพื้นห้องเย็นที่ต้องรับน้ำหนักสินค้าและอุปกรณ์

XPS Foam ทนทานต่อความชื้นและการดูดซับน้ำได้ดีแค่ไหน?

คำตอบ: XPS Foam มีคุณสมบัติ ทนทานต่อความชื้นและการดูดซับน้ำได้ดีเยี่ยม เนื่องจาก:
โครงสร้างเซลล์ปิด (Closed-cell Structure): ภายในแผ่นฉนวนประกอบด้วยฟองอากาศขนาดเล็กที่ถูกปิดล้อมแยกจากกัน ทำให้ไม่มีช่องว่างให้โมเลกุลน้ำซึมผ่านหรือถูกดูดซับเข้าไปในเนื้อฉนวนได้
อัตราการดูดซับน้ำต่ำมาก: โดยทั่วไปอัตราการดูดซับน้ำของ XPS Foam จะต่ำกว่า 0.5% โดยปริมาตร ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับฉนวนชนิดอื่นๆ
คงประสิทธิภาพการกันความร้อนแม้ในสภาวะเปียกชื้น: เนื่องจากไม่ดูดซับน้ำ ประสิทธิภาพการเป็นฉนวน (R-Value) จึงไม่ลดลงแม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรือสัมผัสกับน้ำโดยตรงเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญเมื่อเทียบกับฉนวนที่มีโครงสร้างเซลล์เปิด
ความสำคัญ: คุณสมบัตินี้ทำให้ XPS Foam เป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ผนังใต้ดิน, พื้นห้องเย็น, หลังคาคว่ำ, หรือในพื้นที่ที่อาจมีการสัมผัสกับน้ำโดยตรง ช่วยป้องกันปัญหาความชื้น, เชื้อรา, และการลดลงของประสิทธิภาพฉนวน

XPS Foam เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่? มีสารเคมีอันตรายหรือไม่?

คำตอบ: XPS Foam สมัยใหม่ส่วนใหญ่ได้รับการพัฒนาให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น:
ปราศจากสารทำลายชั้นโอโซน: ผู้ผลิตชั้นนำส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนมาใช้สารเป่าขยาย (Blowing Agents) ที่ไม่เป็นอันตรายต่อชั้นโอโซน เช่น ไม่ใช้สาร CFCs (Chlorofluorocarbons) หรือ HCFCs (Hydrochlorofluorocarbons) แล้ว แต่เปลี่ยนมาใช้ HFCs (Hydrofluorocarbons) หรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) แทน
สามารถรีไซเคิลได้: XPS Foam เป็นวัสดุประเภทเทอร์โมพลาสติก สามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้เมื่อสิ้นสุดอายุการใช้งาน ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะ
ไม่มีสารพิษที่เป็นอันตราย: XPS Foam โดยทั่วไปไม่มีส่วนผสมของใยแก้ว (Fiberglass) หรือแร่ใยหิน (Asbestos) ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพเมื่อสูดดม
ลดการใช้พลังงาน: การใช้ XPS Foam ช่วยลดการใช้พลังงานในการปรับอากาศภายในอาคาร ซึ่งส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวมในระยะยาว
ข้อควรระวัง: ควรตรวจสอบข้อมูลจำเพาะจากผู้ผลิตแต่ละราย เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นเป็นไปตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่ต้องการ

วิธีการติดตั้ง XPS Foam ในงานก่อสร้างมีกี่แบบ?

คำตอบ: การติดตั้ง XPS Foam มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและพื้นที่ที่ติดตั้ง:
การติดตั้งแบบวางลอย (Loose-laid/Ballasted):
นิยมใช้กับหลังคาคว่ำ (Inverted Roof): วางแผ่น XPS Foam เหนือแผ่นกันซึม แล้วทับด้วยชั้นวัสดุ ballast เช่น กรวด, แผ่นคอนกรีตบล็อก, หรือดินปลูก เพื่อยึดฉนวนให้เข้าที่และป้องกันการปลิว
การติดตั้งแบบยึดด้วยกาว (Adhered):
ใช้กับผนังและพื้น: ทากาวที่เหมาะสม (เช่น กาวโพลียูรีเทน หรือกาวสำหรับ XPS Foam โดยเฉพาะ) บนพื้นผิวโครงสร้าง แล้วนำแผ่น XPS Foam ไปติดให้แน่น
ข้อควรระวัง: ต้องใช้กาวที่เข้ากันได้กับ XPS Foam เนื่องจากสารทำละลายบางชนิดอาจทำลายเนื้อโฟมได้
การติดตั้งแบบเสียบเข้าโครงสร้าง (Mechanical Fastened):
ใช้กับผนังหรือเพดาน: ใช้สกรูหรือพุกยึดแผ่น XPS Foam เข้ากับโครงสร้างโดยตรง มักใช้ในกรณีที่ต้องการความแข็งแรงในการยึดเกาะสูง หรือเมื่อไม่สามารถใช้กาวได้
การติดตั้งแบบ Sandwich Panel:
ใช้ XPS Foam เป็นแกนกลางประกบด้วยวัสดุผิวหน้า เช่น แผ่นเหล็กเมทัลชีท, แผ่นยิปซัม, หรือแผ่นซีเมนต์บอร์ด นิยมใช้ทำผนังสำเร็จรูปสำหรับห้องเย็น หรือผนังอาคารที่ต้องการฉนวน
การติดตั้งแบบฝังในโครงสร้าง:
เช่น การวางแผ่น XPS Foam ลงบนแบบหล่อพื้นคอนกรีตก่อนเทคอนกรีตทับ เพื่อเป็นฉนวนพื้น
คำแนะนำ: ควรศึกษาคู่มือการติดตั้งจากผู้ผลิต XPS Foam โดยละเอียด เพื่อให้การติดตั้งเป็นไปอย่างถูกต้องและได้ประสิทธิภาพสูงสุด

XPS Foam มีขนาดมาตรฐานและความหนาเท่าไหร่บ้าง?

คำตอบ: ขนาดและความหนาของ XPS Foam อาจแตกต่างกันไปตามผู้ผลิตและภูมิภาค แต่โดยทั่วไปมีขนาดและช่วงความหนาที่พบได้บ่อยดังนี้:
ขนาดมาตรฐาน (กว้าง x ยาว):
1200 x 600 mm (1.2 x 0.6 เมตร) เป็นขนาดที่พบมากที่สุดในประเทศไทยและเอเชีย
2400 x 600 mm (2.4 x 0.6 เมตร) หรือ 2500 x 600 mm
1250 x 600 mm หรือ 1220 x 610 mm (ประมาณ 4 x 2 ฟุต) ในบางประเทศ
ความหนามาตรฐาน:
เริ่มต้นที่ 20 mm (2 ซม.)
25 mm (2.5 ซม.)
30 mm (3 ซม.)
50 mm (5 ซม.) เป็นความหนาที่นิยมใช้ทั่วไปและให้ประสิทธิภาพดี
75 mm (7.5 ซม.)
100 mm (10 ซม.)
บางผู้ผลิตอาจมีขนาดที่หนากว่า 100 mm สำหรับงานเฉพาะทาง เช่น ห้องเย็นพิเศษ หรือโครงการที่ต้องการค่า R-Value สูงเป็นพิเศษ
ข้อแนะนำ: ควรตรวจสอบขนาดและความหนาที่ผลิตโดยผู้จำหน่ายในพื้นที่ของคุณ เนื่องจากอาจมีข้อจำกัดด้านสต็อกและขนาดที่ได้รับความนิยมแตกต่างกันไป

ข้อควรพิจารณาก่อนการเลือกซื้อและติดตั้ง XPS Foam คืออะไร?

คำตอบ: การเลือกซื้อและติดตั้ง XPS Foam ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ควรพิจารณาดังนี้:
วัตถุประสงค์การใช้งาน: กำหนดให้ชัดเจนว่าต้องการใช้ XPS Foam สำหรับงานอะไร (หลังคา, ผนัง, พื้น, ห้องเย็น) เพราะแต่ละการใช้งานอาจต้องการคุณสมบัติเฉพาะ เช่น ค่ารับแรงกด หรือการกันน้ำ
ค่า R-Value/K-Value ที่ต้องการ: คำนวณความต้องการด้านประสิทธิภาพการกันความร้อนตามสภาพอากาศและการออกแบบอาคาร เพื่อเลือกความหนาของ XPS Foam ที่เหมาะสม
คุณสมบัติเฉพาะ:
ความทนทานต่อแรงกด: สำคัญมากสำหรับงานพื้นหรือหลังคาที่ต้องรับน้ำหนัก
การดูดซับน้ำ: พิจารณาหากใช้งานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงหรือสัมผัสกับน้ำ
ความทนทานต่ออุณหภูมิ: ตรวจสอบช่วงอุณหภูมิที่วัสดุสามารถทนได้
มาตรฐานผู้ผลิตและคุณภาพสินค้า: เลือกซื้อจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐานการผลิตที่ดี และมีใบรับรองคุณภาพ
ความเข้ากันได้กับวัสดุอื่น: ตรวจสอบว่า XPS Foam เข้ากันได้ดีกับกาว, ซีลแลนท์ หรือวัสดุอื่นๆ ที่จะใช้ร่วมกัน
ข้อกำหนดด้านอัคคีภัย: ตรวจสอบคุณสมบัติการติดไฟของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่กฎหมายกำหนด
การติดตั้ง: วางแผนวิธีการติดตั้งให้เหมาะสมกับหน้างาน และเตรียมเครื่องมือที่จำเป็น
งบประมาณ: เปรียบเทียบราคาจากผู้จำหน่ายหลายราย โดยคำนึงถึงคุณภาพและคุณสมบัติที่ได้รับ
บริการหลังการขาย/คำแนะนำ: เลือกผู้จำหน่ายที่สามารถให้คำแนะนำทางเทคนิคและบริการหลังการขายที่ดี

XPS Foam มีอายุการใช้งานนานแค่ไหน?

คำตอบ: XPS Foam มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมาก หากติดตั้งอย่างถูกต้องและอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้ว สามารถมีอายุการใช้งานได้เทียบเท่ากับอายุโครงสร้างของอาคาร หรือประมาณ 30-50 ปี หรือมากกว่านั้น เลยทีเดียว
ปัจจัยที่มีผลต่ออายุการใช้งาน:
คุณภาพของวัสดุ: XPS Foam ที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูงและได้มาตรฐานจะมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า
การติดตั้งที่ถูกต้อง: การติดตั้งที่ไม่ถูกต้อง เช่น การใช้กาวที่ไม่เหมาะสม, การเว้นช่องว่าง, หรือการไม่ปกป้องจากความเสียหายทางกายภาพ อาจทำให้อายุการใช้งานสั้นลง
การปกป้องจากรังสียูวี: แม้ XPS Foam จะทนทาน แต่การสัมผัสกับรังสียูวีโดยตรงเป็นเวลานานอาจทำให้พื้นผิวเสื่อมสภาพได้ ดังนั้นในงานหลังคาคว่ำหรือผนังภายนอกจึงต้องมีชั้นปกป้องด้านบน
การสัมผัสสารเคมี: การสัมผัสกับสารเคมีบางชนิดที่รุนแรงอาจทำให้วัสดุเสียหายได้
การรับน้ำหนักที่เกินขีดจำกัด: หากมีการรับแรงกดที่เกินกว่าค่า Compressive Strength ที่กำหนด อาจทำให้เกิดการยุบตัวและเสียหาย
โดยสรุป XPS Foam เป็นฉนวนที่มีความทนทานสูงและสามารถคงประสิทธิภาพการเป็นฉนวนได้ตลอดอายุการใช้งานของอาคารหากได้รับการติดตั้งและปกป้องอย่างเหมาะสม

XPS Foam มีคุณสมบัติกันไฟหรือไม่? และมีความปลอดภัยแค่ไหนในกรณีเกิดเพลิงไหม้?

คำตอบ: XPS Foam โดยทั่วไปเป็นวัสดุที่ ติดไฟได้ (Combustible) และจะ หลอมเหลวเมื่อสัมผัสกับความร้อนสูงหรือเปลวไฟ อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตส่วนใหญ่มักจะเติมสารหน่วงการติดไฟ (Flame Retardants) ลงไปในกระบวนการผลิตเพื่อให้วัสดุมีคุณสมบัติ:
หน่วงการลามไฟ: ทำให้ไฟไม่ลามอย่างรวดเร็ว (Self-extinguishing) เมื่อไม่มีแหล่งกำเนิดไฟโดยตรง
ลดการหยดตัว (Non-dripping): ช่วยลดการหยดของวัสดุที่หลอมเหลว ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้
ความปลอดภัยในกรณีเกิดเพลิงไหม้:
ควันพิษ: เมื่อ XPS Foam ถูกเผาไหม้ อาจมีการปล่อยควันและก๊าซพิษออกมา เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ
การใช้งานอย่างเหมาะสม: ด้วยเหตุนี้ การเลือกใช้ XPS Foam ในอาคารจึงต้องพิจารณา ข้อกำหนดด้านอัคคีภัย (Fire Regulations) ของอาคารนั้นๆ อย่างเคร่งครัด
การปกป้องด้วยวัสดุทนไฟ: ในหลายกรณี XPS Foam จะต้องถูกติดตั้งโดยมี ชั้นวัสดุที่ไม่ติดไฟ (Fire-rated materials) คลุมทับ เช่น คอนกรีต, แผ่นยิปซัมกันไฟ, หรือปูนฉาบ เพื่อเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เปลวไฟสัมผัสกับ XPS Foam โดยตรง
สรุป: แม้ XPS Foam จะติดไฟได้ แต่ก็มีการพัฒนาให้มีคุณสมบัติหน่วงการติดไฟ และที่สำคัญที่สุดคือการออกแบบและติดตั้งร่วมกับวัสดุทนไฟอื่นๆ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

XPS Foam เหมาะกับการใช้งานในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบประเทศไทยหรือไม่?

คำตอบ: XPS Foam เหมาะสมอย่างยิ่งกับการใช้งานในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบประเทศไทย ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นดังนี้:
ประสิทธิภาพการกันความร้อนสูง: ค่า K-Value ที่ต่ำมาก ช่วยลดการถ่ายเทความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ภายในอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ประหยัดพลังงานไฟฟ้าสำหรับเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในสภาพอากาศร้อน
กันน้ำและความชื้นได้ดีเยี่ยม: นี่คือจุดแข็งที่สำคัญที่สุดสำหรับประเทศที่มีฝนตกชุกและมีความชื้นสัมพัทธ์สูง โครงสร้างเซลล์ปิดของ XPS Foam ทำให้ไม่ดูดซับน้ำ ไม่บวมน้ำ ไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย และยังคงประสิทธิภาพการเป็นฉนวนได้ดีแม้ในสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้น
ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ: แม้ประเทศไทยจะมีอุณหภูมิสูง แต่ XPS Foam ก็สามารถทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้ดี ไม่เปราะหรือแตกง่าย
รับแรงกดได้สูง: เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่อาจต้องมีการเดินเหยียบ หรือรองรับน้ำหนัก เช่น บนหลังคา หรือพื้น
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ XPS Foam จึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงในการช่วยให้อาคารในประเทศไทยเย็นสบายและประหยัดพลังงาน

สามารถทาสีหรือฉาบทับ XPS Foam ได้โดยตรงหรือไม่? และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง?

คำตอบ: โดยทั่วไปแล้ว ไม่แนะนำให้ทาสีหรือฉาบทับ XPS Foam โดยตรง เนื่องจาก:
ปัญหาการยึดเกาะ: พื้นผิวของ XPS Foam ค่อนข้างเรียบและไม่ดูดซับ ทำให้สีหรือปูนฉาบอาจยึดเกาะได้ไม่ดีเท่าที่ควร และมีโอกาสหลุดร่อนได้ง่าย
ปฏิกิริยากับสารเคมี: สีหรือปูนฉาบบางชนิด โดยเฉพาะที่มีส่วนผสมของสารทำละลายอินทรีย์ (Organic Solvents) อาจทำปฏิกิริยาและทำลายเนื้อโฟม ทำให้โฟมเสียหาย ยุบตัว หรือละลายได้
การป้องกันรังสียูวี: หาก XPS Foam สัมผัสกับแสงแดดโดยตรง ควรมีวัสดุคลุมทับเพื่อป้องกันรังสียูวี เพราะแม้จะทนทาน แต่รังสียูวีก็สามารถทำให้พื้นผิวเสื่อมสภาพได้เมื่อเวลาผ่านไป
ข้อควรระวังและการแก้ไข:
ใช้ระบบผนังประกอบ: หากต้องการฉาบทับ ควรมีการติดตั้งระบบผนังประกอบ (เช่น Drywall System) โดยอาจมีการยึดโครงคร่าวและใช้แผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์บอร์ด หรือยิปซัมบอร์ดปิดทับ XPS Foam ก่อนที่จะฉาบหรือทาสี
ใช้กาวและวัสดุฉาบที่เหมาะสม: หากจำเป็นต้องฉาบโดยตรง ควรเลือกใช้ ปูนฉาบหรือวัสดุฉาบเฉพาะสำหรับฉนวนโฟม ที่ไม่มีสารทำละลายที่เป็นอันตรายต่อ XPS Foam และมีคุณสมบัติการยึดเกาะที่ดีเยี่ยม (เช่น ปูนฉาบสำหรับระบบ EIFS – Exterior Insulation and Finish Systems)
ปรึกษาผู้ผลิต: ก่อนการใช้งาน ควรปรึกษาผู้ผลิต XPS Foam หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับสีหรือวัสดุฉาบที่เข้ากันได้และเหมาะสมกับการใช้งานนั้นๆ

การตัดแต่ง XPS Foam ต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง? และมีฝุ่นผงอันตรายหรือไม่?

คำตอบ: การตัดแต่ง XPS Foam ทำได้ค่อนข้างง่ายและไม่ซับซ้อน:
อุปกรณ์ที่ใช้:
มีดคัตเตอร์คมๆ (Utility Knife): เป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการตัดแผ่น XPS Foam สามารถตัดได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
เลื่อยมือ (Hand Saw) หรือเลื่อยไฟฟ้า (Electric Saw): สำหรับการตัดแผ่นหนาๆ หรือในปริมาณมาก เพื่อความรวดเร็ว
ไม้บรรทัด/ไม้ฉาก และดินสอ: สำหรับวัดและทำเครื่องหมายเพื่อการตัดที่แม่นยำ
ฝุ่นผง: การตัด XPS Foam โดยทั่วไปจะ ไม่เกิดฝุ่นผงที่เป็นอันตรายในปริมาณมาก เหมือนการตัดวัสดุใยแก้วหรือแร่ใยหิน เนื่องจากเป็นวัสดุที่ตัดได้สะอาดกว่าและไม่มีเส้นใยที่แตกตัวลอยในอากาศ
อย่างไรก็ตาม การตัดด้วยเลื่อยไฟฟ้าอาจทำให้เกิดเศษโฟมเล็กๆ กระจายตัวบ้าง
คำแนะนำ: เพื่อสุขอนามัยที่ดี ควรใส่หน้ากากกันฝุ่น (Dust Mask) และแว่นตานิรภัย (Safety Goggles) เสมอเมื่อทำงานตัดแต่ง เพื่อป้องกันเศษโฟมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจหรือดวงตา

XPS Foam มีผลต่อการเกิด “สะพานความร้อน” (Thermal Bridge) หรือไม่? และจะป้องกันได้อย่างไร?

คำตอบ: XPS Foam เป็นฉนวนที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการถ่ายเทความร้อน แต่ ปัญหา “สะพานความร้อน” (Thermal Bridge) ยังคงสามารถเกิดขึ้นได้ แม้จะใช้ XPS Foam ก็ตาม
สะพานความร้อน (Thermal Bridge) คืออะไร? คือบริเวณของโครงสร้างอาคารที่ความร้อนสามารถถ่ายเทผ่านได้ง่ายกว่าส่วนอื่นๆ เช่น บริเวณโครงสร้างคอนกรีต เสา คาน หรือจุดเชื่อมต่อของวัสดุต่างชนิดกัน ที่ไม่มีฉนวน หรือมีฉนวนไม่เพียงพอ ทำให้เกิดการสูญเสียความร้อน/ความเย็น และอาจนำไปสู่การควบแน่นได้
XPS Foam มีผลอย่างไร? XPS Foam ช่วยลดการเกิดสะพานความร้อนได้ดีกว่าฉนวนที่ดูดซับน้ำได้ง่าย แต่หากการออกแบบและการติดตั้งไม่คำนึงถึงจุดเชื่อมต่อเหล่านี้ ประสิทธิภาพของฉนวนโดยรวมก็จะลดลง
วิธีป้องกันและแก้ไขปัญหา “สะพานความร้อน” ด้วย XPS Foam:
การออกแบบที่ครอบคลุม: ผู้ออกแบบควรวางแผนการติดตั้งฉนวนให้ต่อเนื่องและครอบคลุมทุกส่วนของโครงสร้างอาคาร โดยเฉพาะบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดสะพานความร้อน
ใช้ฉนวนต่อเนื่อง (Continuous Insulation): การติดตั้ง XPS Foam เป็นฉนวนต่อเนื่องภายนอกโครงสร้างผนังหรือหลังคา ช่วยลดการเกิดสะพานความร้อนบริเวณเสา คาน หรือโครงสร้างอื่นๆ ได้ดีกว่าการติดตั้งฉนวนภายใน
การหุ้มฉนวนโครงสร้าง: หุ้มโครงสร้างที่เป็นตัวนำความร้อน เช่น คานคอนกรีต เสาคอนกรีต หรือเหล็ก ด้วย XPS Foam เพื่อป้องกันการถ่ายเทความร้อนผ่านโครงสร้างโดยตรง
การลดรอยต่อ: ลดรอยต่อให้น้อยที่สุด และใช้เทปกาวหรือวัสดุอุดรอยต่อสำหรับฉนวนโดยเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีช่องว่างให้ความร้อนเล็ดลอดผ่านได้
การใช้ตัวยึดที่ไม่เป็นตัวนำความร้อน: หากต้องใช้สกรูหรือตัวยึดในการติดตั้ง ควรเลือกใช้วัสดุที่ไม่นำความร้อน หรือมีค่าการนำความร้อนต่ำ เพื่อไม่ให้เป็นจุดนำความร้อนผ่าน
การคำนึงถึงและแก้ไขปัญหา “สะพานความร้อน” เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน เพื่อให้ XPS Foam ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

XPS Foam สามารถใช้กับระบบหลังคาเขียว (Green Roof) หรือสวนดาดฟ้าได้หรือไม่?

คำตอบ: XPS Foam เหมาะสมอย่างยิ่งและมักถูกเลือกใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในระบบหลังคาเขียว (Green Roof) หรือสวนดาดฟ้า เนื่องจากคุณสมบัติเด่นหลายประการ:
รับแรงกดได้สูง: สามารถรองรับน้ำหนักของชั้นดินปลูก น้ำ และพืชพรรณได้อย่างมั่นคง โดยไม่ยุบตัวหรือเสียรูปทรงเมื่อเวลาผ่านไป
กันน้ำและความชื้นได้ดีเยี่ยม: โครงสร้างเซลล์ปิดทำให้ไม่ดูดซับน้ำ ป้องกันความชื้นไม่ให้ซึมลงสู่โครงสร้างอาคารด้านล่าง และไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อราหรือจุลินทรีย์ที่อาจทำลายฉนวน
เป็นฉนวนกันความร้อนที่มีประสิทธิภาพ: ช่วยลดการถ่ายเทความร้อนจากดาดฟ้าเข้าสู่ตัวอาคาร ทำให้ภายในเย็นสบายขึ้น ลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศ
ทนทานต่อรากพืช: แม้รากพืชบางชนิดจะรุนแรง แต่ XPS Foam มีความแข็งแรงและทนทานในระดับหนึ่ง ทำให้รากพืชยากที่จะแทงทะลุ (อย่างไรก็ตาม มักจะมีการติดตั้งแผ่นกันรากพืช (Root Barrier) เพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยสูงสุด)
น้ำหนักเบา: ช่วยลดภาระโครงสร้างโดยรวมของหลังคาเขียวเมื่อเทียบกับการใช้วัสดุอื่นๆ ที่มีน้ำหนักมากกว่า
การจัดเรียงชั้นในระบบ Green Roof ที่ใช้ XPS Foam โดยทั่วไป:
โครงสร้างดาดฟ้า
แผ่นกันซึม (Waterproofing Membrane)
XPS Foam (ชั้นฉนวนกันความร้อน)
แผ่นระบายน้ำ (Drainage Layer)
แผ่นกรอง (Filter Fabric)
ชั้นดินปลูก (Growing Media)
พืชพรรณ (Vegetation)
การใช้ XPS Foam ในระบบหลังคาเขียวจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ช่วยให้ดาดฟ้ากลายเป็นพื้นที่สีเขียวที่สวยงาม มีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม และยังช่วยประหยัดพลังงานให้กับอาคารได้ในระยะยาว

XPS Foam มีผลต่อสุขภาพหรือไม่? และต้องระวังอะไรบ้างในการใช้งาน?

คำตอบ: XPS Foam เป็นวัสดุที่ ค่อนข้างเฉื่อย (Inert) และโดยทั่วไป ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เมื่อติดตั้งแล้ว
ข้อควรระวังในการใช้งาน:
ฝุ่นผงจากการตัด: อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ แม้จะไม่ใช่ฝุ่นพิษร้ายแรง แต่การตัดด้วยเลื่อยอาจทำให้เกิดเศษโฟมเล็กๆ แนะนำให้สวม หน้ากากกันฝุ่น (Dust Mask) และ แว่นตานิรภัย (Safety Goggles) เพื่อป้องกันการระคายเคือง
ก๊าซที่ใช้ในการผลิต (Blowing Agents): ในกระบวนการผลิต XPS Foam อาจมีการใช้ก๊าซเป่าขยาย ซึ่งบางชนิด (เช่น HFCs) เป็นก๊าซเรือนกระจก แต่จะไม่หลงเหลืออยู่ในผลิตภัณฑ์หลังจากผลิตเสร็จและไม่มีผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัย
ควันและก๊าซจากการเผาไหม้: นี่คือจุดที่สำคัญที่สุด! หากเกิดเพลิงไหม้และ XPS Foam ถูกเผาไหม้ จะมีการปล่อยควันและก๊าซพิษ (เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์) ออกมา ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ จึงต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านอัคคีภัยอย่างเคร่งครัด และมั่นใจว่ามีการปกป้องฉนวนด้วยวัสดุที่ไม่ติดไฟอย่างเหมาะสม
การสัมผัสกับสารเคมี: หลีกเลี่ยงการให้ XPS Foam สัมผัสกับสารทำละลายอินทรีย์บางชนิด เช่น ทินเนอร์, น้ำมันเบนซิน หรือกาวที่มีสารทำละลายรุนแรง ซึ่งอาจทำให้เนื้อโฟมเสียหายหรือละลายได้
โดยรวมแล้ว XPS Foam เป็นวัสดุก่อสร้างที่ปลอดภัยสำหรับการอยู่อาศัย เมื่อใช้งานและติดตั้งตามคำแนะนำและมาตรฐานความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง

ราคาของ XPS Foam เทียบกับฉนวนประเภทอื่นๆ เป็นอย่างไร? และคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่?

คำตอบ: ราคาของ XPS Foam โดยทั่วไปจะ สูงกว่า EPS Foam (Expanded Polystyrene Foam) และอาจจะ สูงกว่าฉนวนใยแก้ว (Fiberglass Insulation) หรือ ฉนวนใยหิน (Mineral Wool Insulation) ที่มีความหนาเท่ากัน
การเปรียบเทียบความคุ้มค่า (Value for Money):
ประสิทธิภาพต่อราคา (Performance-to-Cost Ratio): แม้ราคาต่อแผ่นจะสูงกว่า แต่ XPS Foam มีคุณสมบัติที่เหนือกว่าในหลายด้าน ทำให้ความคุ้มค่าในระยะยาวสูงขึ้น:
ค่า K-Value ที่ต่ำกว่า: ทำให้ต้องการความหนาน้อยกว่าเพื่อให้ได้ R-Value เท่ากัน ช่วยประหยัดพื้นที่
กันน้ำและความชื้นได้ดีเยี่ยม: นี่คือจุดเด่นที่ทำให้ XPS Foam เหนือกว่าฉนวนอื่นๆ ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง เพราะไม่ดูดซับน้ำและคงประสิทธิภาพการเป็นฉนวนได้ตลอดอายุการใช้งาน ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย
ความแข็งแรงสูง: รับแรงกดได้ดี ไม่ยุบตัว เหมาะกับงานที่ต้องมีการรับน้ำหนักหรือเดินเหยียบ
อายุการใช้งานยาวนาน: เมื่อติดตั้งถูกต้อง สามารถมีอายุการใช้งานได้นานหลายสิบปี ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนฉนวนในอนาคต
ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน: การลงทุนใน XPS Foam ที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดการใช้พลังงานของระบบปรับอากาศได้อย่างมาก ซึ่งเป็นการประหยัดค่าไฟฟ้าในระยะยาวและคืนทุนได้เร็ว
ความสบายในการอยู่อาศัย: นอกจากประหยัดพลังงานแล้ว ยังช่วยให้อุณหภูมิภายในอาคารคงที่และเย็นสบายขึ้น เพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้อยู่อาศัย

แม้ราคาเริ่มต้นของ XPS Foam อาจสูงกว่าฉนวนบางชนิด แต่เมื่อพิจารณาถึง ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า โดยเฉพาะในเรื่องการกันน้ำและความชื้น, ความแข็งแรง, และอายุการใช้งานที่ยาวนาน รวมถึง การประหยัดพลังงานในระยะยาว แล้ว XPS Foam ถือเป็นการลงทุนที่ คุ้มค่าอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดและลดปัญหาในระยะยาว