เอ็กซ์พีเอส โฟม
XPS Foam คืออะไร? (Extruded Polystyrene Foam)
XPS Foam หรือ Extruded Polystyrene Foam (โฟมโพลีสไตรีนอัดรีด) คือ ฉนวนกันความร้อน ชนิดหนึ่งที่ผลิตขึ้นจากโพลีสไตรีน (Polystyrene) โดยผ่านกระบวนการอัดขึ้นรูป (Extrusion) อย่างต่อเนื่อง ภายใต้แรงดันสูงและควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ทำให้ได้โครงสร้างเซลล์แบบปิด (Closed-Cell Structure) ที่มีความสม่ำเสมอ ผิวเรียบทั้งสองด้าน และมีความหนาแน่นสูง
โครงสร้างเซลล์ปิด นี้เองที่เป็นคุณสมบัติเด่นของ XPS Foam ที่ทำให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันการซึมผ่านของน้ำ ความชื้น และไอน้ำได้ดีเยี่ยม ส่งผลให้รักษาคุณสมบัติความเป็นฉนวนไว้ได้ยาวนานและทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ มากกว่าโฟมประเภทอื่น ๆ เช่น EPS Foam (Expanded Polystyrene Foam) ที่มีโครงสร้างเซลล์แบบเปิด

โฟมก้อนขนาด 60×120 cm
หนา 0.5 cm ถึง 63 cm
เกรดลามไฟ
เกรดไม่ลามไฟ
เคลื่อนย้ายง่าย
เหมาะในพื้นที่จำกัด

โฟมก้อนขนาด 120×300 cm
หนา 0.5 cm ถึง 63 cm
เกรดลามไฟ
เกรดไม่ลามไฟ
เคลื่อนย้ายง่าย
ชิ้นใหญ่รอยต่อน้อย

โฟมก้อนขนาด 120×600 cm
หนา 0.5 cm ถึง 63 cm
เกรดลามไฟ
เกรดไม่ลามไฟ
เคลื่อนย้ายรถหกล้อขึ้นไป
ชิ้นใหญ่รอยต่อน้อย
คุณสมบัติทางเทคนิคที่สำคัญของ XPS Foam (Key Technical Properties of XPS Foam)
นอกจากคุณสมบัติเด่นที่กล่าวมาแล้ว XPS Foam ยังมีค่าทางเทคนิคเฉพาะที่สำคัญต่อการเลือกใช้งาน:
ค่าการนำความร้อน (Thermal Conductivity, ค่า K หรือ λ): เป็นตัวบ่งชี้ความสามารถในการนำความร้อนของวัสดุ ยิ่งค่า K ต่ำเท่าไหร่ วัสดุยิ่งเป็นฉนวนที่ดีเท่านั้น XPS Foam มีค่า K ต่ำมาก โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 0.028 – 0.035 W/(m·K) ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเยี่ยม ทำให้เป็น ฉนวนกันความร้อนประสิทธิภาพสูง
ค่าต้านทานความร้อน (Thermal Resistance, ค่า R-value): เป็นค่ากลับกันของค่าการนำความร้อน ยิ่งค่า R-value สูงเท่าไหร่ วัสดุยิ่งเป็นฉนวนที่ดีเท่านั้น ค่า R-value ของ XPS Foam จะแปรผันตามความหนา โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 1.1 – 1.5 (m².K)/W ต่อความหนา 25 มม.
ค่าการดูดซึมน้ำ (Water Absorption): เป็นเปอร์เซ็นต์ของน้ำที่วัสดุดูดซับเมื่อจมน้ำ XPS Foam มีค่าการดูดซึมน้ำต่ำมาก โดยปกติจะ น้อยกว่า 0.7% โดยปริมาตร หรือ น้อยกว่า 0.3% โดยน้ำหนัก ซึ่งเป็นจุดเด่นสำคัญที่ทำให้เหมาะสำหรับงานที่สัมผัสความชื้น
ความแข็งแรงรับแรงกด (Compressive Strength): เป็นความสามารถในการรับน้ำหนักหรือแรงกดทับโดยไม่เสียรูป XPS Foam มีความแข็งแรงรับแรงกดสูง ตั้งแต่ 200 kPa (20 ตัน/ตร.ม.) ไปจนถึง 700 kPa (70 ตัน/ตร.ม.) หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นและวัตถุประสงค์การใช้งาน ทำให้เหมาะสำหรับงานพื้นหรือหลังคาที่ต้องรับน้ำหนักมาก
ค่าความหนาแน่น (Density): โดยทั่วไป XPS Foam มีความหนาแน่นอยู่ในช่วง 28 – 45 kg/m³ หรือสูงกว่าสำหรับงานเฉพาะทาง ความหนาแน่นที่สูงขึ้นมักจะสัมพันธ์กับความแข็งแรงรับแรงกดที่สูงขึ้น
ช่วงอุณหภูมิใช้งาน (Service Temperature Range): สามารถทนต่ออุณหภูมิตั้งแต่ประมาณ -50°C ถึง 75°C ทำให้ใช้งานได้ดีในหลากหลายสภาพภูมิอากาศ
การทนไฟ (Fire Resistance): XPS Foam เป็นวัสดุที่ ติดไฟได้ หากไม่ได้รับการป้องกัน อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตส่วนใหญ่จะเติม สารหน่วงการติดไฟ (Fire Retardants) ลงไปในกระบวนการผลิต เพื่อให้ได้มาตรฐานการทนไฟตามที่กำหนดสำหรับงานก่อสร้างในประเทศต่างๆ (เช่น Class E, Class B1, Class B2 ตามมาตรฐานยุโรป)
การใช้งาน XPS Foam (Applications of XPS Foam
นอกจากการใช้งานหลักในงานก่อสร้างและห้องเย็นแล้ว XPS Foam ยังถูกนำไปประยุกต์ใช้ในงานเฉพาะทางที่ต้องการคุณสมบัติพิเศษของมัน:
1. งานก่อสร้างและอาคาร (Building and Construction) – เจาะลึกแต่ละส่วน
หลังคา (Roofing):
หลังคาแบบกลับด้าน (Inverted Roof System): XPS Foam เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับหลังคาแบบกลับด้าน โดยจะวาง เหนือแผ่นกันซึม (Waterproofing Membrane) และอยู่ใต้ชั้นกรวดหรือวัสดุปกป้องอื่นๆ ซึ่งช่วย ปกป้องแผ่นกันซึม จากการเสื่อมสภาพจากรังสี UV และการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่รุนแรง ทำให้ ยืดอายุการใช้งาน ของระบบหลังคากันซึมได้อย่างมีนัยสำคัญ
หลังคาเขียว (Green Roof / Eco Roof): ใช้เป็นชั้นฉนวนใต้ชั้นดินและพืชพรรณ ช่วยควบคุมอุณหภูมิของอาคารและระบายน้ำส่วนเกิน
หลังคาคอนกรีตสำเร็จรูป: ใช้เป็นฉนวนในโครงสร้างหลังคาคอนกรีตสำเร็จรูป
ผนัง (Walls):
ผนังสองชั้น (Cavity Wall Insulation): ติดตั้งในช่องว่างระหว่างผนังสองชั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเป็นฉนวน
ผนังห้องใต้ดิน (Basement Wall Insulation): ใช้เป็นฉนวนภายนอกหรือภายในผนังห้องใต้ดิน เพื่อป้องกันความชื้นและควบคุมอุณหภูมิ ลดปัญหา การควบแน่น (Condensation)
ระบบ EIFS (Exterior Insulation Finishing System): XPS Foam เป็นส่วนประกอบหลักของระบบ EIFS ซึ่งเป็นการหุ้มฉนวนภายนอกอาคารก่อนการตกแต่งผิว ทำให้ได้ผนังที่มีประสิทธิภาพฉนวนสูงและมีความสวยงาม
พื้น (Floors):
พื้นปรับระดับ (Underfloor Heating Insulation): ใช้เป็นฉนวนรองใต้ระบบทำความร้อนใต้พื้น เพื่อให้ความร้อนสะสมอยู่ด้านบนและกระจายขึ้นสู่พื้นที่อยู่อาศัยอย่างมีประสิทธิภาพ
พื้นโรงงานอุตสาหกรรม: ใช้เป็นฉนวนรองรับพื้นโรงงานที่ต้องรับน้ำหนักมาก และอาจสัมผัสกับความชื้น
พื้นสนามกีฬาในร่ม: ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมอุณหภูมิภายในอาคาร
2. อุตสาหกรรมห้องเย็นและอุณหภูมิต่ำ (Cold Chain and Low-Temperature Applications)
ผนังและพื้นห้องเย็น (Cold Room Walls and Floors): เป็นวัสดุหลักสำหรับ แผ่นฉนวนสำเร็จรูป (Sandwich Panels) ที่ใช้ในห้องเย็นและห้องแช่แข็งทุกขนาด รวมถึง ห้องคลีนรูม (Clean Room) ที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอย่างเข้มงวด
ตู้แช่ขนาดใหญ่และห้องเก็บสินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Large Refrigerated Warehouses): ใช้เป็นฉนวนหลักในคลังสินค้าขนาดใหญ่ที่ต้องการรักษาอุณหภูมิให้คงที่ตลอดเวลา เพื่อลดการใช้พลังงานมหาศาล
3. งานโยธาและโครงสร้างพื้นฐาน (Civil Engineering and Infrastructure)
การรองรับถนนและทางรถไฟ (Road and Railway Embankment Insulation): ใช้เป็นชั้นฉนวนเพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของดินใต้ถนนหรือทางรถไฟในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันมาก เช่น ในเขตหนาว เพื่อป้องกันการเกิด การแข็งตัวและละลายของดิน (Frost Heave) ซึ่งทำให้พื้นผิวโครงสร้างเสียหาย
ฉนวนใต้บ่อน้ำและสระว่ายน้ำ (Pond and Swimming Pool Insulation): ช่วยลดการสูญเสียความร้อนจากน้ำลงสู่พื้นดิน ทำให้ประหยัดพลังงานในการทำความร้อนน้ำ
การก่อสร้างสะพาน (Bridge Construction): ใช้เป็นฉนวนเพื่อควบคุมอุณหภูมิของโครงสร้างสะพาน ลดการขยายตัวและหดตัวเนื่องจากอุณหภูมิ
สนามบิน (Airport Runways): ใช้เป็นฉนวนรองรันเวย์ในพื้นที่หนาวจัดเพื่อป้องกันปัญหาจากน้ำแข็งใต้ดิน
4. อุตสาหกรรมยานยนต์และขนส่ง (Automotive and Transportation)
รถบรรทุกห้องเย็นและรถห้องเย็นเคลื่อนที่ (Refrigerated Trucks and Mobile Cold Stores): ใช้เป็นแกนกลางของโครงสร้างผนังและพื้นรถห้องเย็น เพื่อรักษาอุณหภูมิของสินค้าที่ขนส่ง
เรือขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Refrigerated Ships): ใช้เป็นฉนวนในโครงสร้างของเรือขนส่งสินค้าแช่แข็ง
5. งานบรรจุภัณฑ์และหัตถกรรม (Packaging and Craft Applications)
บรรจุภัณฑ์กันกระแทกสำหรับสินค้าบอบบาง (Fragile Item Packaging): เนื่องจากคุณสมบัติที่น้ำหนักเบาแต่แข็งแรง สามารถตัดขึ้นรูปได้ง่าย จึงนิยมนำมาใช้ทำเป็นบล็อกรองรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์, แก้ว, หรือเครื่องมือแพทย์
งานฝีมือและโมเดล (Arts, Crafts, and Model Making): XPS Foam ตัดแต่งได้ง่ายและมีผิวเรียบ จึงเหมาะสำหรับใช้สร้างโมเดลจำลอง, พร็อพประกอบฉาก, หรือประติมากรรม
ข้อดีและข้อควรพิจารณาของ XPS Foam (Advantages and Considerations of XPS Foam)
ข้อดี (Advantages) – เน้นจุดแข็งเชิงเปรียบเทียบ
ประสิทธิภาพฉนวนความร้อนที่ยอดเยี่ยมและคงที่ (Stable Thermal Performance): เนื่องจากโครงสร้างเซลล์ปิด ทำให้ก๊าซภายในเซลล์ (ซึ่งเป็นฉนวนหลัก) ถูกกักเก็บไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ถูกแทนที่ด้วยอากาศหรือความชื้น ทำให้ ค่า R-value คงที่ ตลอดอายุการใช้งาน ไม่ลดลงเหมือนฉนวนบางประเภทที่ประสิทธิภาพจะลดลงเมื่อสัมผัสความชื้น
ทนทานต่อความชื้นและน้ำได้อย่างสมบูรณ์แบบ (Virtually Impervious to Water and Moisture): เป็นหนึ่งในไม่กี่วัสดุฉนวนที่สามารถสัมผัสกับน้ำได้โดยตรงโดยไม่สูญเสียคุณสมบัติการเป็นฉนวน ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ งานใต้ดิน งานหลังคาแบบกลับด้าน และ งานห้องเย็น
ความแข็งแรงรับแรงกดสูงและคงทน (High and Consistent Compressive Strength): สามารถรับน้ำหนักได้มากโดยไม่ยุบตัว ทำให้เหมาะสำหรับ พื้นโรงงาน พื้นห้องเย็น หลังคาดาดฟ้าที่ใช้งาน และงานที่ต้องการโครงสร้างรองรับน้ำหนัก
ทนทานต่อการเน่าเปื่อยและเชื้อรา (Resistant to Rot and Fungal Growth): เนื่องจากเป็นวัสดุอนินทรีย์ จึงไม่เป็นแหล่งอาหารสำหรับแบคทีเรีย เชื้อรา หรือแมลง ทำให้เหมาะสำหรับอาคารที่ต้องการความสะอาดและสุขอนามัย
น้ำหนักเบาและติดตั้งง่าย (Lightweight and Easy to Install): ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง รวมถึงลดภาระโครงสร้างอาคาร
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental Friendliness – Modern XPS): XPS Foam ในปัจจุบันหลายยี่ห้อผลิตโดยใช้สารที่ทำให้เกิดฟองที่ไม่ทำลายชั้นโอโซน และสามารถนำไป รีไซเคิล (Recyclable) ได้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของ วัสดุก่อสร้างยั่งยืน (Sustainable Building Materials)
ข้อควรพิจารณา (Considerations) – เน้นข้อจำกัดและการจัดการ
ราคาสูงกว่าฉนวนบางชนิด (Higher Initial Cost): แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพสูง แต่ราคาต่อตารางเมตรอาจสูงกว่า EPS Foam หรือใยแก้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึง อายุการใช้งานที่ยาวนาน ประสิทธิภาพที่คงที่ และ การประหยัดพลังงานในระยะยาว ทำให้ XPS Foam มักจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
ความไวต่อรังสี UV (UV Sensitivity): เช่นเดียวกับพลาสติกอื่นๆ XPS Foam อาจเสื่อมสภาพเมื่อสัมผัสกับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) โดยตรงเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงควร มีการป้องกันด้วยวัสดุอื่น เช่น ปูนฉาบ, แผ่นกันซึม, หรือวัสดุปิดผิวอื่นๆ หากใช้งานภายนอกอาคาร
ความเข้ากันได้กับสารเคมีบางชนิด (Chemical Compatibility): อาจเกิดการละลายหรือเสียหายได้หากสัมผัสกับสารละลายอินทรีย์บางชนิด เช่น ทินเนอร์, เบนซิน, หรือน้ำมันบางประเภท จึงควรตรวจสอบข้อมูลจากผู้ผลิตก่อนการใช้งาน
การจัดการอัคคีภัย (Fire Safety): แม้จะมีการเติมสารหน่วงการติดไฟ แต่ XPS Foam ยังคงเป็นวัสดุที่ติดไฟได้ จึงต้องติดตั้งตาม ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยทางอัคคีภัย ของแต่ละพื้นที่ และมักจะต้องถูกหุ้มด้วยวัสดุทนไฟเพื่อความปลอดภัย
ข้อดีและข้อควรพิจารณาของ XPS Foam (Advantages and Considerations of XPS Foam)
ข้อดี (Advantages)
1. ประสิทธิภาพฉนวนสูง: มีค่า R-value ที่ดีเยี่ยม ทำให้ประหยัดพลังงานได้มาก
2. กันน้ำและความชื้นได้ดีที่สุด: ด้วยโครงสร้างเซลล์ปิด ทำให้ไม่ดูดซับน้ำและคงประสิทธิภาพได้แม้ในสภาวะชื้น
3. แข็งแรง ทนทาน: ทนทานต่อแรงกดได้สูง ไม่ยุบตัวง่าย มีอายุการใช้งานยาวนาน
4. คงรูปได้ดี: ไม่เสียรูปทรงเมื่อเวลาผ่านไป หรือเมื่อสัมผัสกับความชื้น
5. ติดตั้งง่าย: มีน้ำหนักเบาและสามารถตัดหรือขึ้นรูปได้สะดวก ทำให้ประหยัดเวลาและค่าแรงในการติดตั้ง
6. ลดปัญหาการเกิดสะพานความร้อน (Thermal Bridging): การติดตั้งอย่างต่อเนื่องช่วยลดจุดอ่อนในการถ่ายเทความร้อน
7. เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (บางชนิด): ผลิตภัณฑ์บางยี่ห้อไม่มีสารที่ทำลายชั้นโอโซน และสามารถรีไซเคิลได้
ข้อควรพิจารณา (Considerations)
1. ราคาสูงกว่า EPS Foam: โดยทั่วไปแล้ว XPS Foam จะมีราคาสูงกว่า EPS Foam
2. ความทนทานต่อสารเคมีบางชนิดต่ำ: อาจเสียหายได้หากสัมผัสกับสารเคมีบางประเภท เช่น สารละลายอินทรีย์บางชนิด
3. ติดไฟได้ (Combustible): เช่นเดียวกับวัสดุฉนวนส่วนใหญ่ XPS Foam เป็นวัสดุที่ติดไฟได้ จึงต้องติดตั้งตามมาตรฐานความปลอดภัยทางอัคคีภัยที่กำหนด และอาจต้องใช้ร่วมกับสารหน่วงการติดไฟ (Fire Retardants)

กระบวนการผลิต XPS Foam (XPS Manufacturing Process)
กระบวนการผลิต XPS Foam เริ่มจากการหลอมเม็ดพลาสติกโพลีสไตรีน (Polystyrene beads) พร้อมกับสารเติมแต่ง (Additives) และสารที่ทำให้เกิดฟอง (Blowing Agent) ผสมกันในเครื่องอัดรีด (Extruder) ภายใต้อุณหภูมิและความดันสูง จากนั้นส่วนผสมจะถูกรีดผ่านหัวฉีด (Die) ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เมื่อวัสดุออกจากหัวฉีดและสัมผัสกับอากาศภายนอก สารที่ทำให้เกิดฟองจะขยายตัว ทำให้เกิดโครงสร้างเซลล์แบบปิดที่ละเอียดและต่อเนื่อง
ความสำคัญของสารที่ทำให้เกิดฟอง (Blowing Agent): ในอดีตมีการใช้สาร CFCs (Chlorofluorocarbons) และ HCFCs (Hydrochlorofluorocarbons) ซึ่งทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน แต่ในปัจจุบันผู้ผลิตชั้นนำส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนมาใช้สารที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มากขึ้น เช่น HFCs (Hydrofluorocarbons) หรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อชั้นโอโซน ทำให้ XPS Foam รุ่นใหม่ๆ เป็น ผลิตภัณฑ์สีเขียว (Green Product) ที่ยั่งยืน

EPS Foam Block
ข้อควรพิจารณา (Considerations) – เน้นข้อจำกัดและการจัดการ
ราคาสูงกว่าฉนวนบางชนิด (Higher Initial Cost): แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพสูง แต่ราคาต่อตารางเมตรอาจสูงกว่า EPS Foam หรือใยแก้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึง อายุการใช้งานที่ยาวนาน ประสิทธิภาพที่คงที่ และ การประหยัดพลังงานในระยะยาว ทำให้ XPS Foam มักจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
ความไวต่อรังสี UV (UV Sensitivity): เช่นเดียวกับพลาสติกอื่นๆ XPS Foam อาจเสื่อมสภาพเมื่อสัมผัสกับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) โดยตรงเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงควร มีการป้องกันด้วยวัสดุอื่น เช่น ปูนฉาบ, แผ่นกันซึม, หรือวัสดุปิดผิวอื่นๆ หากใช้งานภายนอกอาคาร
ความเข้ากันได้กับสารเคมีบางชนิด (Chemical Compatibility): อาจเกิดการละลายหรือเสียหายได้หากสัมผัสกับสารละลายอินทรีย์บางชนิด เช่น ทินเนอร์, เบนซิน, หรือน้ำมันบางประเภท จึงควรตรวจสอบข้อมูลจากผู้ผลิตก่อนการใช้งาน
การจัดการอัคคีภัย (Fire Safety): แม้จะมีการเติมสารหน่วงการติดไฟ แต่ XPS Foam ยังคงเป็นวัสดุที่ติดไฟได้ จึงต้องติดตั้งตาม ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยทางอัคคีภัย ของแต่ละพื้นที่ และมักจะต้องถูกหุ้มด้วยวัสดุทนไฟเพื่อความปลอดภัย
มาตรฐานและใบรับรอง (Standards and Certifications)
ในการเลือกใช้ XPS Foam ควรพิจารณาผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล เช่น:
ASTM (American Society for Testing and Materials): มาตรฐานสากลของสหรัฐอเมริกา
EN (European Norms): มาตรฐานของยุโรป เช่น EN 13164 (Thermal insulation products for buildings – Factory made products of extruded polystyrene foam (XPS) – Specification)
ISO (International Organization for Standardization): มาตรฐานสากลทั่วไป
ใบรับรองผลิตภัณฑ์สีเขียว (Green Certifications): เช่น LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) หรือ Green Label เพื่อยืนยันว่าผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
คำแนะนำในการเลือกซื้อและติดตั้ง XPS Foam (Tips for Purchasing and Installing XPS Foam)
ระบุความหนาและขนาดที่เหมาะสม: พิจารณาจากค่า R-value ที่ต้องการและพื้นที่การใช้งาน
ตรวจสอบความแข็งแรงรับแรงกด: เลือกให้เหมาะสมกับน้ำหนักที่คาดว่าจะได้รับ (เช่น สำหรับพื้นห้องเย็น)
เลือกยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ: มีชื่อเสียงและได้รับการรับรองมาตรฐาน
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาวิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญด้านฉนวน
ปฏิบัติตามคู่มือการติดตั้ง: การติดตั้งที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญต่อประสิทธิภาพสูงสุดของฉนวน
พิจารณาสารหน่วงการติดไฟ: สำหรับงานก่อสร้าง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารหน่วงการติดไฟและได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย
สรุปคุณสมบัติเด่นของ XPS Foam
เอทีโฟม เหนือกว่าทุกความคาดหมาย ด้วยคุณสมบัติเด่นรอบด้าน เอทีโฟมภูมิใจนำเสนอ XPS Foam วัสดุคุณภาพสูงที่โดดเด่นด้วยคุณสมบัติหลากหลาย ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างกว้างขวางในหลากหลายอุตสาหกรรม XPS Foam ของเราไม่เป็นเพียงแค่วัสดุ แต่เป็นนวัตกรรมที่พร้อมยกระดับทุกโครงการของคุณให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืน
XPS Foam ลดร้อน ลดค่าไฟ บ้านเย็นสบายได้ง่ายๆ

การใช้งาน XPS Foam (Applications of XPS Foam)
XPS Foam เป็นวัสดุอเนกประสงค์ที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานที่ต้องการ ฉนวนกันความร้อนคุณภาพสูง และคุณสมบัติในการ กันน้ำ กันความชื้น ได้ดีเยี่ยม
บทความ

การทดสอบโฟม eps มาตรฐาน ASTM C 518-17
มาตรฐาน ASTM C518-17 ทดสอบการลามไฟ โฟม EPS […]

คุณภาพโฟม eps ของ เอทีโฟม
คุณภาพโฟมอีพีเอส ของ AT Foam
ขอรายละเอียดเพิ่มเติม
ขอใบเสนอราคา