Mon -Sat 08:00-18:00

Tel : 062-336-9655

info@atcinsu.com

บริษัท เอ.ที.คอน อินซูเลชั่น จำกัด เรียกว่าสั้นๆ ว่า เอ.ที.โฟม หรือ เอ.ที.คอน คือบริษัทเดียวกัน ที่ขายโฟม EPS

โฟมเกษตร (ข้อมูลเชิงลึก)

ข้อมูลเชิงลึกพิเศษ: โฟมเกษตร (Phenolic Foam)

1. ความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ของ Phenolic Foam ในฐานะวัสดุปลูก

ฟีนอลิกโฟมไม่ได้เป็นเพียงแค่ “ฟองน้ำ” ทั่วไป แต่เป็นพอลิเมอร์ที่ผ่านการออกแบบมาเพื่อการเพาะปลูกโดยเฉพาะ มีคุณสมบัติทางกายภาพและเคมีที่เหมาะสมกับรากพืชอย่างยิ่ง:

  • โครงสร้างเซลล์เปิด (Open Cell Structure) และ Capillary Action:
    • เซลล์ภายในฟีนอลิกโฟมไม่ได้ปิดทึบเหมือนโฟม EPS แต่เป็นโครงข่ายของรูพรุนขนาดเล็กที่เชื่อมต่อถึงกัน (Interconnected Pores)
    • โครงสร้างนี้ทำให้เกิดปรากฏการณ์ แรงดึงผิว (Capillary Action) ที่ยอดเยี่ยม นั่นคือ โฟมสามารถดูดซับน้ำจากแหล่งด้านล่าง (เช่น สารละลายธาตุอาหารในรางปลูก) ขึ้นมาหล่อเลี้ยงรากพืชได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องอาศัยแรงโน้มถ่วงมากนัก ซึ่งเป็นข้อดีในระบบไฮโดรโปนิกส์ที่รากต้องได้รับความชื้นตลอดเวลา
    • ขณะเดียวกัน ช่องว่างที่เชื่อมต่อกันเหล่านี้ก็ช่วยให้ การถ่ายเทอากาศ (Oxygen Diffusion) เข้าถึงรากได้ดี ป้องกันภาวะรากขาดออกซิเจน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของรากเน่าในวัสดุปลูกที่อุ้มน้ำได้ดีแต่ระบายอากาศไม่ดี เช่น ฟองน้ำทั่วไป
  • อัตราส่วนน้ำ-อากาศ (Water-Air Ratio) ที่เหมาะสม:
    • ฟีนอลิกโฟมถูกออกแบบมาให้รักษาสมดุลของน้ำและอากาศในสภาวะที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของรากพืช (Optimal Water-Air Ratio)
    • ในขณะที่อุ้มน้ำได้มากถึง 90−95% ของปริมาตร ยังคงมีช่องว่างประมาณ 5−10% ที่เป็นอากาศ ซึ่งเพียงพอต่อการหายใจของรากพืชและลดความเสี่ยงของรากเน่าเมื่อได้รับน้ำมากเกินไป
  • ความเฉื่อยทางเคมี (Chemical Inertness):
    • เมื่อพอลิเมอร์ฟีนอลิกโฟมแข็งตัวแล้ว จะเป็นวัสดุที่เฉื่อยทางเคมี หมายความว่า ไม่ทำปฏิกิริยากับสารละลายธาตุอาหาร ไม่ปล่อยสารเคมีที่เป็นพิษออกมา และไม่เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของสารละลายธาตุอาหาร
    • คุณสมบัตินี้ทำให้ผู้ปลูกสามารถควบคุมการให้ธาตุอาหารแก่พืชได้อย่างแม่นยำ ไม่ต้องกังวลว่าวัสดุปลูกจะดูดซับธาตุอาหาร หรือปลดปล่อยสารอื่นออกมา

ข้อดี-ข้อเสีย เปรียบเทียบกับวัสดุปลูกอื่นๆ (ในบริบทไฮโดรโปนิกส์)

เพื่อให้เห็นภาพการใช้งานจริง โฟมเกษตรมีข้อดีและข้อเสียอย่างไรเมื่อเทียบกับวัสดุปลูกยอดนิยมอื่นๆ:

คุณสมบัติ

โฟมเกษตร (Phenolic Foam)

ร็อควูล (Rockwool)

พีทมอส/ใยมะพร้าว (Peat Moss/Coco Coir)

การอุ้มน้ำ

ดีเยี่ยม (Capillary action สูง)

ดีเยี่ยม (โครงสร้างเส้นใยละเอียด)

ดี-ดีมาก (ขึ้นอยู่กับการผสม)

การระบายอากาศ

ดีมาก (Open Cell)

ดี (โครงสร้างเส้นใย ไม่แน่นเกินไป)

ปานกลาง-ดี (ต้องผสมให้โปร่ง)

ค่า pH เริ่มต้น

เป็นกลาง (5.5−7.0) มักไม่ต้องปรับมาก

เป็นด่างสูง (7.0−8.5) ต้องปรับค่า pH ลงอย่างมากก่อนใช้

เป็นกรดอ่อน-กลาง (4.0−6.5) ต้องปรับ pH ขึ้น/ลงตามชนิดพืช

ความปลอดเชื้อ

สูงมาก (สังเคราะห์)

สูงมาก (ผลิตที่อุณหภูมิสูง)

ต่ำ-ปานกลาง (อาจมีเชื้อโรค/แมลง/วัชพืช)

ความคงรูป

ดีมาก (ไม่ยุบตัว)

ดีมาก (แข็งแรง)

ปานกลาง (อาจยุบตัว/ย่อยสลาย)

น้ำหนัก

เบามาก

เบา

ปานกลาง-หนัก (เมื่ออุ้มน้ำ)

การย้ายปลูก

ง่าย (รากไม่ช้ำ)

ง่าย (รากไม่ช้ำ)

ปานกลาง (อาจมีรากขาด/ช้ำ)

การใช้งานซ้ำ

สามารถทำได้ (ต้องล้าง/ฆ่าเชื้อ)

ยาก (มักไม่นิยม, เสื่อมสภาพง่ายหลังใช้)

ทำได้ (ต้องล้าง/นึ่งฆ่าเชื้อ)

ราคา

ปานกลาง-สูง

ปานกลาง-สูง

ต่ำ-ปานกลาง

การจัดการขยะ

ไม่ย่อยสลาย (เป็นพลาสติก)

ไม่ย่อยสลาย (เส้นใยหิน)

ย่อยสลายได้ (อินทรีย์วัตถุ)

เหมาะสำหรับ

เพาะกล้า, ไฮโดรโปนิกส์ (ผักสลัด, พืชใบ)

เพาะกล้า, ไฮโดรโปนิกส์ (ผักสลัด, พืชใบ, พืชผล)

พืชหลากหลาย, ดินปลูก, ไฮโดรโปนิกส์ (ใช้ร่วมกับวัสดุอื่น)

การเตรียมโฟมเกษตรอย่างละเอียด (Pre-conditioning)

นี่คือขั้นตอนสำคัญที่หลายคนละเลย และอาจทำให้ผลผลิตไม่ดีเท่าที่ควร:

  1. การล้างสิ่งเจือปน:
    • นำแผ่นโฟมเกษตรไปแช่ในน้ำสะอาด (น้ำประปาที่พักไว้ 1-2 วันเพื่อคลอรีนระเหย หรือน้ำกรอง)
    • บีบน้ำออกจากโฟมเบาๆ แล้วแช่ใหม่ ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง
    • ขั้นตอนนี้ช่วยล้างเศษผงจากการผลิต และสารตกค้างที่อาจมีออกมา
  2. การปรับค่า pH (ถ้าจำเป็น):
    • แม้ผู้ผลิตจะระบุว่า pH เป็นกลาง แต่บางยี่ห้ออาจมีค่า pH ที่เบี่ยงเบนเล็กน้อย (โดยเฉพาะยี่ห้อที่ไม่ได้มาตรฐาน) หรือคุณต้องการความแม่นยำสูงสุด
    • วิธีทดสอบและปรับ:
      • หลังจากล้างโฟมแล้ว แช่โฟมในน้ำสะอาดอีกครั้ง (หรือสารละลายธาตุอาหารเจือจาง)
      • วัดค่า pH ของน้ำที่แช่โฟม หากค่า pH สูงเกินไป (เช่น เกิน 7.5) ให้เติมกรดฟอสฟอริก (Phosphoric Acid) หรือกรดไนตริก (Nitric Acid) ชนิดที่ใช้กับพืชลงไปเล็กน้อยจนค่า pH อยู่ในช่วง 5.5−6.5
      • หากค่า pH ต่ำเกินไป (ไม่ค่อยพบในฟีนอลิกโฟม) อาจเติมโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ (Potassium Hydroxide) เจือจาง
      • แช่ทิ้งไว้ 12-24 ชั่วโมง แล้ววัดค่า pH อีกครั้งจนกว่าจะคงที่ในระดับที่ต้องการ
    • สำหรับผู้เริ่มต้น: หากใช้โฟมยี่ห้อที่ได้มาตรฐาน การแช่น้ำเปล่า 1-2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องปรับ pH อย่างละเอียดเสมอไป
  3. การแช่สารละลายธาตุอาหารเริ่มต้น:
    • เมื่อโฟมสะอาดและมี pH ที่เหมาะสมแล้ว ให้นำไปแช่ในสารละลายธาตุอาหารที่เจือจางมากๆ (ประมาณ 1/4 ถึง 1/2 ของความเข้มข้นปกติ)
    • เหตุผล: การให้สารอาหารตั้งแต่เริ่มต้นจะช่วยให้เมล็ดได้รับธาตุอาหารทันทีที่งอก และรากอ่อนสามารถดูดซึมได้ง่าย ป้องกันภาวะช็อกเมื่อย้ายไปลงระบบปลูกจริง

การจัดการตะไคร่น้ำและเชื้อโรคบนโฟมเกษตร

นี่คือปัญหาที่พบบ่อยและแนวทางป้องกัน:

  • ปัญหาตะไคร่น้ำ (Algae Growth):
    • สาเหตุ: แสงแดดส่องถึงพื้นผิวโฟมที่มีความชื้นและได้รับสารละลายธาตุอาหาร ทำให้ตะไคร่น้ำเจริญเติบโตได้ดี
    • ผลกระทบ: ตะไคร่น้ำจะแย่งธาตุอาหารจากพืช บดบังแสงแดดที่อาจส่องถึงโคนต้น ทำให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแมลงศัตรูพืช และทำให้ออกซิเจนในสารละลายลดลงในเวลากลางคืน
    • การป้องกัน:
      1. คลุมแสง: ใช้ฝาปิดรางปลูกที่ทึบแสง, ใช้ถ้วยปลูก (Net Pot) ที่มีขอบสูง หรือใช้แผ่นฟิล์มพลาสติกสีดำ/อลูมิเนียมฟอยล์คลุมหน้าโฟมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหลือช่องให้ต้นกล้าโผล่พ้นมาเท่านั้น
      2. รักษาความสะอาด: ล้างทำความสะอาดระบบปลูกและอุปกรณ์เป็นประจำ
      3. ไม่รดน้ำให้แฉะเกินไป: รดน้ำแต่พอดี รักษาความชื้นให้เหมาะสม ไม่ให้น้ำขังอยู่บนพื้นผิวโฟม
      4. ปรับสารละลายธาตุอาหาร: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าความเข้มข้นของสารละลายเหมาะสม ไม่เข้มข้นเกินไป (แต่ไม่ควรรดด้วยน้ำเปล่าอย่างเดียว)
  • ปัญหาเชื้อโรค (Pathogens):
    • สาเหตุ: ส่วนใหญ่มักมาจากการปนเปื้อนจากสภาพแวดล้อมภายนอก, อุปกรณ์ที่ไม่สะอาด, หรือการนำโฟมเก่าที่ไม่ได้ฆ่าเชื้อมาใช้ซ้ำ
    • ผลกระทบ: ทำให้เกิดโรครากเน่า, โรคเหี่ยว, หรือปัญหาอื่นๆ กับพืช
    • การป้องกัน:
      1. ความสะอาดเป็นอันดับแรก: ล้างมือให้สะอาดก่อนจับโฟมและเมล็ด, ใช้อุปกรณ์ที่สะอาดและฆ่าเชื้อเสมอ
      2. การฆ่าเชื้อโฟมเก่า: หากนำโฟมเก่ามาใช้ซ้ำ ต้องล้างทำความสะอาดอย่างละเอียด และฆ่าเชื้อด้วยสารละลายคลอรีนเจือจาง (เช่น น้ำยาฟอกขาว 10% ทิ้งไว้ 15-30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้งจนแน่ใจว่าไม่มีกลิ่นคลอรีน) หรืออบไอน้ำ/ต้ม
      3. ระบบปิด: พยายามรักษาระบบปลูกให้เป็นระบบปิดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดการปนเปื้อนจากภายนอก

การเลือกใช้โฟมเกษตรสำหรับพืชชนิดต่างๆ

แม้ว่าฟีนอลิกโฟมจะเหมาะกับพืชหลากหลายชนิด แต่ก็มีข้อควรพิจารณาเล็กน้อย:

  • พืชใบ (Leafy Greens): ผักสลัด, ผักกาดหอม, กะหล่ำปลี, ผักบุ้ง ฯลฯ เหมาะอย่างยิ่ง กับโฟมเกษตร เพราะรากไม่ใหญ่มาก และต้องการความชื้นกับอากาศที่สมดุล
  • พืชผล (Fruiting Plants): มะเขือเทศ, พริก, แตงกวา ฯลฯ
    • ระยะเพาะกล้า: โฟมเกษตรเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมในการเพาะกล้า
    • ระยะเติบโต: อาจจะต้องย้ายจากก้อนโฟมเล็กๆ ไปยังก้อนโฟมขนาดใหญ่ขึ้น (เช่น Phenolic Foam Block) หรือใช้วัสดุปลูกอื่นๆ ที่มีปริมาตรมากกว่า เช่น Rockwool Slab, Perlite, Coco Coir ผสม
    • เหตุผล: พืชผลมีระบบรากที่ใหญ่กว่าและต้องการการยึดเกาะที่แข็งแรงกว่า และต้องการปริมาณสารละลายที่มากกว่า
  • พืชสมุนไพร: โหระพา, สะระแหน่, ออริกาโน ฯลฯ เหมาะมาก ทั้งในการเพาะกล้าและการเป็นวัสดุปลูกหลักในระบบไฮโดรโปนิกส์ขนาดเล็ก

นวัตกรรมและการพัฒนาในโฟมเกษตร

โฟมที่ย่อยสลายได้: งานวิจัยและพัฒนาในปัจจุบันพยายามผลิตโฟมเกษตรที่สามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (แม้ว่าจะยังไม่แพร่หลายเชิงพาณิชย์)

โฟมที่มีสารอาหารในตัว: บางบริษัทกำลังพัฒนาโฟมที่มีสารอาหารเริ่มต้นผสมอยู่ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเพาะกล้า ไม่ต้องผสมสารละลายธาตุอาหารเองในระยะแรก

โฟมที่มีสารป้องกันเชื้อโรค/ส่งเสริมการเติบโต: อาจมีการผสมสารชีวภาพหรือสารป้องกันเชื้อราที่เป็นประโยชน์ลงไปในเนื้อโฟม

ข้อควรจำสำหรับผู้ใช้งานจริง

คุณภาพมีความสำคัญ: อย่าประหยัดงบประมาณกับโฟมเกษตรมากเกินไป โฟมคุณภาพต่ำอาจมีปัญหาเรื่องค่า pH ไม่คงที่, มีสารเคมีตกค้าง, หรือรูพรุนไม่อุ้มน้ำ/ระบายอากาศได้ดีเท่าที่ควร

ความสะอาดคือชีวิต: ระบบไฮโดรโปนิกส์ต้องเน้นความสะอาด โฟมเกษตรที่สะอาดจะช่วยให้พืชแข็งแรงและลดโรค

สังเกตและปรับปรุง: พืชแต่ละชนิดอาจตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมแตกต่างกัน สังเกตการเจริญเติบโตของรากและต้น หากพบปัญหา เช่น รากเน่า หรือต้นกล้าไม่แข็งแรง ให้พิจารณาว่าโฟมที่ใช้อยู่มีปัญหาหรือไม่ (เรื่อง pH, การระบายอากาศ, การปนเปื้อน)

ขอรายละเอียดเพิ่มเติม

ขอใบเสนอราคา

สายด่วนงานโฟม โทร. 062-336-9655, 062-585-4499, 082-440-2525