โฟม EPS คืออะไร?
โฟม EPS (Expanded Polystyrene) หรือที่คนทั่วไปมักเรียกว่า “โฟมขาว” เป็นวัสดุพลาสติกประเภทหนึ่งที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกโพลีสไตรีน (Polystyrene) ที่ผ่านกระบวนการขยายตัวด้วยความร้อนและแรงดันไอน้ำ ทำให้เกิดเป็นโครงสร้างเซลล์ปิด (Closed-cell structure) ที่มีอากาศอยู่ภายในจำนวนมาก ทำให้โฟม EPS มีคุณสมบัติเด่นในด้านความเบา การเป็นฉนวนกันความร้อนและเสียง การรับแรงกระแทกได้ดี และความสามารถในการขึ้นรูปที่หลากหลาย ชื่อเรียกอื่น: โฟมขาว, โฟมกล่อง, โฟมกันกระแทก, โฟมฉนวน, โฟมวิศวกรรม, โพลีสไตรีนขยายตัว
กระบวนการผลิตโฟม EPS (Detailed Manufacturing Process)
การผลิตโฟม EPS มีขั้นตอนที่ซับซ้อนและควบคุมได้ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและคุณสมบัติเฉพาะ:
1.1 การผลิตเม็ด Polystyrene (Styrene Monomer Production & Polymerization): เริ่มต้นจากวัตถุดิบปิโตรเลียม ซึ่งผ่านกระบวนการกลั่นจนได้สารตั้งต้นคือ Styrene Monomer
Styrene Monomer จะถูกนำมาทำปฏิกิริยา Polymerization (การรวมตัวของโมเลกุลเล็กๆ เป็นสายโซ่ยาว) โดยมีการเติมสารพองตัว (Blowing Agent) ซึ่งส่วนใหญ่คือก๊าซ Pentane (C5H12) เข้าไปในเม็ดพลาสติก Polystyrene ในระหว่างกระบวนการนี้
ผลลัพธ์ที่ได้คือเม็ดพลาสติก Polystyrene ขนาดเล็กสีขาวขุ่น คล้ายน้ำตาลทราย ซึ่งภายในเม็ดมีก๊าซ Pentane กักเก็บอยู่
1.2 การขยายตัวเบื้องต้น (Pre-expansion / First Foaming): เม็ด Polystyrene เหล่านี้จะถูกนำเข้าสู่เครื่อง Pre-expander (เครื่องขยายเม็ดโฟมเบื้องต้น)
ภายในเครื่อง จะมีการพ่นไอน้ำ (Steam) ที่อุณหภูมิประมาณ 90-102 องศาเซลเซียส เข้าไป
ความร้อนจากไอน้ำจะทำให้เนื้อพลาสติก Polystyrene อ่อนตัวลง และก๊าซ Pentane ที่อยู่ภายในเม็ดจะระเหยและขยายตัวอย่างรวดเร็ว
เม็ดพลาสติกจะพองตัวขึ้นเป็นเม็ดโฟมขนาดใหญ่ขึ้นประมาณ 30-50 เท่าของขนาดเดิม (สามารถควบคุมอัตราการขยายตัวได้โดยการปรับอุณหภูมิไอน้ำและเวลาในการคงอยู่ในเครื่อง) ซึ่งในขั้นตอนนี้ เม็ดโฟมที่ได้จะมีรูพรุนภายในและมีอากาศกักเก็บอยู่
1.3 การบ่ม (Conditioning / Aging / Stabilization): เม็ดโฟมที่ขยายตัวแล้ว (Pre-expanded beads) จะถูกลำเลียงไปยังไซโลหรือถังพักขนาดใหญ่
ในขั้นตอนนี้ เม็ดโฟมจะถูกพักทิ้งไว้เป็นระยะเวลาหนึ่ง (มักจะ 6-12 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น) เพื่อให้ก๊าซ Pentane ที่เหลืออยู่ภายในเซลล์ของโฟมระเหยออกไป และอากาศจากภายนอกจะเข้ามาแทนที่
กระบวนการนี้ทำให้เม็ดโฟมมีความคงตัว (Dimensional Stability) มากขึ้น มีความยืดหยุ่น และแข็งแรงขึ้น พร้อมสำหรับการขึ้นรูปในขั้นตอนต่อไป
1.4 การขึ้นรูป (Molding / Shaping / Second Foaming): เม็ดโฟมที่ผ่านการบ่มแล้วจะถูกลำเลียงเข้าสู่แม่พิมพ์ (Mold) ที่มีรูปทรงตามผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ (เช่น แผ่นโฟม, บล็อกโฟมขนาดใหญ่, หรือรูปทรงพิเศษต่างๆ เช่น บรรจุภัณฑ์เฉพาะสินค้า)
ภายในแม่พิมพ์ จะมีการให้ความร้อนด้วยไอน้ำอีกครั้ง (Second Foaming)
ความร้อนจะทำให้เม็ดโฟมที่อยู่ภายในแม่พิมพ์อ่อนตัวลงและขยายตัวเล็กน้อยอีกครั้ง ทำให้เม็ดโฟมแต่ละเม็ดเชื่อมติดกันแน่นสนิทเป็นเนื้อเดียวกันภายใต้แรงดันที่ควบคุม
หลังจากนั้น จะมีการระบายความร้อนออกด้วยการฉีดน้ำเย็นหรือลมเย็น เพื่อให้โฟมเซ็ตตัวและคงรูปตามแม่พิมพ์
เมื่อโฟมเย็นตัวลง ก็จะได้ผลิตภัณฑ์โฟม EPS ที่เป็นรูปทรงตามที่ต้องการ ซึ่งสามารถนำไปตัดแต่งเพิ่มเติมได้
1.5 การตัดแต่งและตรวจสอบคุณภาพ (Cutting, Shaping, and Quality Control): บล็อกโฟม EPS ขนาดใหญ่ที่ได้จากการขึ้นรูปจะถูกนำไปตัดด้วยเครื่องตัดลวดความร้อน (Hot-wire cutting) หรือเครื่องตัด CNC เพื่อให้ได้ขนาดและรูปร่างตามต้องการ
ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจะผ่านการตรวจสอบคุณภาพ เช่น ความหนาแน่น, ความแข็งแรง, และคุณสมบัติอื่นๆ ก่อนนำไปจัดเก็บหรือจัดส่ง

Add a compelling title for your section to engage your audience.
Use this paragraph section to get your website visitors to know you. Consider writing about you or your organization, the products or services you offer, or why you exist. Keep a consistent communication style.

Add a descriptive title for the column.
ประเภทของโฟม EPS
ประเภทของโฟม EPS
โฟม EPS สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามคุณสมบัติและความหนาแน่น เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกัน:
โฟม EPS ทั่วไป (Standard EPS): เป็นโฟม EPS ที่ไม่ได้มีการเติมสารหน่วงไฟ เหมาะสำหรับงานทั่วไปที่ไม่ต้องการคุณสมบัติการทนไฟเป็นพิเศษ เช่น บรรจุภัณฑ์, งานตกแต่ง
โฟม EPS ชนิดไม่ลามไฟ (Flame Retardant – FR EPS): เป็นโฟม EPS ที่มีการเติมสารหน่วงไฟ ทำให้เมื่อติดไฟจะดับได้เอง ไม่เป็นเชื้อเพลิงลามไปส่วนอื่น มักใช้ในงานก่อสร้าง, ฉนวนกันความร้อนในอาคาร, แผงแซนวิชพาแนล
โฟม EPS เกรดสูง (High-Density EPS): มีความหนาแน่นสูงกว่าโฟม EPS ทั่วไป ทำให้รับแรงกดได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ เช่น รองรับถนน, งานถมดิน, แผ่นรองพื้นอาคาร
โฟม EPS เกรดอาหาร (Food Grade EPS): เป็นโฟม EPS ที่ผลิตขึ้นโดยคำนึงถึงความปลอดภัยในการสัมผัสอาหาร มีคุณสมบัติสะอาด ปลอดภัย ไม่ทำปฏิกิริยากับอาหาร มักใช้ในกล่องใส่อาหาร, ถาดรองอาหาร
โฟม EPS รีไซเคิล: โฟม EPS ที่ผลิตจากการนำโฟม EPS ที่ผ่านการใช้งานแล้วมารีไซเคิล มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับโฟมใหม่ แต่เป็นทางเลือกที่ยั่งยืนกว่า
คุณสมบัติเด่นและเชิงเทคนิคของโฟม EPS (Key Properties and Technical Aspects)
โฟม EPS มีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ทำให้เป็นวัสดุที่มีประสิทธิภาพสูง:
2.1 เป็นฉนวนกันความร้อนที่ดีเยี่ยม (Excellent Thermal Insulation): โครงสร้าง: ประกอบด้วยเซลล์ปิด (Closed-cell structure) ที่กักเก็บอากาศไว้ภายในประมาณ 98% ของปริมาตร อากาศที่ถูกกักไว้ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ดี จึงเป็นตัวนำความร้อนที่แย่มาก
ค่าการนำความร้อน (Thermal Conductivity, λ หรือ k-Value): มีค่าต่ำมาก โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 0.032−0.045 W/(m⋅K) หรือ 0.22 – 0.31 BTU⋅in/(ft2⋅h⋅∘F) ซึ่งเป็นค่าที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับวัสดุก่อสร้างทั่วไป
ค่าความต้านทานความร้อน (R-Value): สูง โดยเฉลี่ยประมาณ 3.6−4.2 R-value per inch ขึ้นอยู่กับความหนาแน่น ช่วยลดการถ่ายเทความร้อน ทำให้ประหยัดพลังงานในการปรับอากาศอย่างมีนัยสำคัญ
2.2 น้ำหนักเบา (Lightweight): ความหนาแน่นต่ำมาก โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 10−48 kg/m3 (0.6−3.0 lb/ft3) หรือบางครั้งอาจสูงถึง 80 kg/m3 สำหรับงานเฉพาะทาง
ลดภาระโครงสร้างของอาคาร ประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งและติดตั้ง และลดเวลาในการก่อสร้าง
2.3 แข็งแรงและทนทาน (Strong and Durable): แรงกดอัด (Compressive Strength): แม้น้ำหนักเบา แต่โฟม EPS มีความสามารถในการรับแรงกดอัดที่ดี โดยค่า Compressive Strength จะเพิ่มขึ้นตามความหนาแน่น เช่น โฟม EPS ที่มีความหนาแน่น 1.5 lb/ft³ อาจมี Compressive Strength ประมาณ 20-25 psi (138-172 kPa)
ความคงตัวของขนาด (Dimensional Stability): มีความคงตัวของขนาดดีเยี่ยม (เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 2% ตาม ASTM Test Method D2126) ไม่หดตัวหรือบิดงอภายใต้สภาวะอุณหภูมิและความชื้นที่เปลี่ยนแปลง
อายุการใช้งาน: มีอายุการใช้งานยาวนาน ไม่เสื่อมสภาพจากการใช้งานปกติ ไม่เน่าเปื่อย ไม่เป็นอาหารของสัตว์หรือแมลง
2.4 ทนทานต่อแรงกระแทกและดูดซับแรงสั่นสะเทือน (Shock Absorption / Impact Resistance): โครงสร้างแบบฟูและมีช่องอากาศ ช่วยในการดูดซับและกระจายแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับใช้เป็นวัสดุบรรจุภัณฑ์
2.5 ไม่ดูดซึมน้ำ (Low Water Absorption): เนื่องจากเป็นโครงสร้างเซลล์ปิด ทำให้การดูดซึมน้ำต่ำมาก (มักจะน้อยกว่า 2-4% โดยปริมาตรเมื่อจุ่มน้ำ) ทำให้ยังคงคุณสมบัติเป็นฉนวนได้ดีแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง และไม่เกิดเชื้อราหรือตะไคร่น้ำ
2.6 ปลอดภัยและไม่ลามไฟ (Self-extinguishing / Flame Retardant Grade – F-Grade): โฟม EPS ที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้ในงานก่อสร้างส่วนใหญ่จะมีการเติมสารหน่วงไฟ (Flame Retardant Additives) ทำให้เป็น F-Grade (Flame Retardant Grade) ซึ่งหมายถึงเมื่อได้รับความร้อนสูงจะติดไฟได้ แต่เมื่อนำแหล่งกำเนิดไฟออก ไฟจะดับเองภายใน 10 วินาที ไม่เกิดการลามไฟไปส่วนอื่น ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากอัคคีภัย
ไม่ปลดปล่อยสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพขณะใช้งานปกติ (Non-toxic) และไม่เป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียหรือแมลง
2.7 เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและรีไซเคิลได้ (Environmentally Friendly and Recyclable): กระบวนการผลิตไม่ใช้สาร CFCs หรือ HCFCs ซึ่งเป็นสารทำลายชั้นโอโซน
สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ 100% โดยการบดอัดและหลอมใหม่เป็นเม็ดพลาสติก เพื่อนำไปผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ หรือใช้เป็นวัสดุผสม
2.8 คุณสมบัติทางเสียง (Sound Attenuation): ด้วยโครงสร้างที่ประกอบด้วยช่องว่างอากาศจำนวนมาก โฟม EPS มีคุณสมบัติในการช่วยลดทอนเสียง (Sound Attenuation) ได้ในระดับหนึ่ง ทำให้ช่วยลดเสียงรบกวนที่ผ่านผนังหรือหลังคาได้
การใช้งานโฟม EPS (Practical Applications)
โฟม EPS ถูกนำไปใช้งานอย่างกว้างขวางและหลากหลาย:
3.1 งานก่อสร้างและสถาปัตยกรรม (Building and Construction): ผนังสำเร็จรูป (Sandwich Panel): นิยมใช้เป็นแกนกลางของแผ่นผนังสำเร็จรูปที่ประกบด้วยแผ่นเหล็กเคลือบสี แผ่นคอนกรีต หรือวัสดุอื่น ๆ ใช้สำหรับห้องเย็น, ห้องคลีนรูม, โรงงาน, โกดัง, สำนักงาน, บ้านพักอาศัย เนื่องจากติดตั้งง่าย รวดเร็ว และเป็นฉนวนที่ดีเยี่ยม
ฉนวนกันความร้อนหลังคา ผนัง และพื้น (Roof, Wall, Floor Insulation): ใช้เป็นแผ่นฉนวนใต้ฝ้าเพดาน, ใต้หลังคา, ภายในผนัง, หรือใต้พื้น เพื่อลดการถ่ายเทความร้อนและลดการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศ
วัสดุถมเบา (Lightweight Fill / GeoFoam): ใช้แทนดินหรือวัสดุถมอื่นๆ ในงานก่อสร้างถนน, คอสะพาน, งานปรับระดับพื้นที่ขนาดใหญ่, หรือการถมในพื้นที่ดินอ่อน เพื่อลดน้ำหนักโครงสร้าง, ป้องกันการทรุดตัวของดิน, และลดการสั่นสะเทือน (เช่น ในญี่ปุ่นมีการใช้ EPS Block ถมใต้ถนนเพื่อกันแผ่นดินไหว)
งานปรับระดับพื้น (Floor Leveling): ใช้เป็นวัสดุรองปรับระดับพื้นก่อนการเทคอนกรีต เพื่อลดน้ำหนักและช่วยเป็นฉนวน
คิ้วบัวและงานตกแต่งอาคาร (Architectural Molds and Decorations): สามารถตัดแต่งและเคลือบผิวเป็นคิ้วบัว, เสาโรมัน, ลวดลายตกแต่งภายนอกอาคารได้ง่าย น้ำหนักเบา
3.2 บรรจุภัณฑ์ (Packaging Industry): วัสดุกันกระแทก (Cushioning Material): ใช้สำหรับห่อหุ้มและป้องกันสินค้าที่บอบบางและเสียหายง่าย เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, อิเล็กทรอนิกส์, เฟอร์นิเจอร์, แก้ว, เซรามิก, ชิ้นส่วนรถยนต์
กล่องบรรจุภัณฑ์ (Containers): กล่องโฟมสำหรับบรรจุอาหารสด (อาหารทะเล, ผัก, ผลไม้), เครื่องดื่ม, ไอศกรีม, ยา, เวชภัณฑ์ เพื่อรักษาอุณหภูมิ, ป้องกันการเน่าเสีย และลดความเสียหายจากการขนส่ง
เม็ดโฟมกันกระแทก (Packing Peanuts / Loose Fill): ใช้สำหรับเติมเต็มช่องว่างในกล่องพัสดุ
3.3 งานศิลปะ งานประดิษฐ์ และโมเดล (Arts, Crafts, and Models): ด้วยคุณสมบัติที่น้ำหนักเบาและสามารถตัดแต่งขึ้นรูปได้ง่าย ทำให้เป็นที่นิยมในการทำโมเดลสถาปัตยกรรม, หุ่นจำลอง, ฉากประกอบการแสดง, งานแกะสลัก, ตัวอักษรสำหรับป้าย, หรืออุปกรณ์ประกอบฉากต่างๆ
3.4 อุตสาหกรรมอื่นๆ (Miscellaneous Applications): การเกษตร (Agriculture): ใช้เป็นถาดเพาะกล้า, วัสดุปลูกไร้ดิน (Hydroponics), หรือผสมในดินเพื่อช่วยให้ดินร่วนซุยและเพิ่มการระบายอากาศให้รากพืช
กีฬาและนันทนาการ (Sports and Recreation): ใช้เป็นแกนกลางของแผ่นกระดานโต้คลื่น, ทุ่นลอยน้ำ, หรือส่วนประกอบในอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ (เช่น หมวกกันน็อคบางประเภท)
งานวิศวกรรมโยธา (Civil Engineering): นอกจาก GeoFoam แล้ว ยังใช้เป็นส่วนประกอบของระบบระบายน้ำ, หรือวัสดุที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิในโครงการที่มีดินเยือกแข็งถาวร (permafrost)
ค่าความหนาแน่นของโฟม EPS และผลกระทบต่อคุณสมบัติ
ความหนาแน่นของโฟม EPS (Density) เป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดคุณสมบัติทางกายภาพและกลไกต่างๆ ของโฟม โดยทั่วไปวัดเป็นหน่วยกิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (kg/kg/m³) หรือปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต (lb/ft³)
ความหนาแน่น (kg/kg/m³) 71_e73b93-4c> |
คุณสมบัติโดยประมาณ 71_d9136c-7f> |
การใช้งานที่เหมาะสม 71_e6ab89-1a> |
---|---|---|
10 – 15 71_566777-51> |
น้ำหนักเบามาก, รับแรงกดได้น้อย, เป็นฉนวนกันความร้อนที่ดีมาก 71_63823d-86> |
บรรจุภัณฑ์ทั่วไป, งานตกแต่ง, ไส้กลางสำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่รับน้ำหนักมาก 71_defe66-bd> |
15 – 20 71_3e19c4-4e> |
น้ำหนักเบา, รับแรงกดได้ปานกลาง, เป็นฉนวนกันความร้อนดี 71_2e43b8-15> |
แผ่นฉนวนกันความร้อน, ผนังสำเร็จรูป, แผงแซนวิชพาแนล, งานฝ้าเพดาน 71_b0d844-12> |
20 – 25 71_df4018-8f> |
น้ำหนักปานกลาง, รับแรงกดได้ดี, เป็นฉนวนกันความร้อนดี 71_f075c9-4c> |
แผ่นฉนวนใต้พื้น, โครงสร้างเบา, กล่องเก็บความเย็นขนาดใหญ่ 71_3a7bbb-69> |
25 – 30 71_a03110-b3> |
น้ำหนักค่อนข้างมาก, รับแรงกดได้ดีมาก, แข็งแรง 71_2da877-23> |
รองรับถนน, งานถมดิน, แผ่นรองพื้นอาคาร, งานประติมากรรมขนาดใหญ่ 71_503d6c-32> |
>30 71_8e123b-d6> |
แข็งแรงมาก, รับแรงกดได้สูงมาก 71_144e0c-3a> |
งานวิศวกรรมโยธาที่ต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ (EPS Geofoam) 71_692c22-b0> |
เกรดและความหนาแน่นของโฟม EPS (Grades and Density)
ความหนาแน่นเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่กำหนดคุณสมบัติทางกลและประสิทธิภาพของโฟม EPS
หน่วยความหนาแน่นที่นิยมใช้: ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต (lb/ft3)
กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (kg/m3)
โดยประมาณ 1 lb/ft3≈16 kg/m3
ความหนาแน่นและการใช้งานทั่วไป: 0.6−1.0 lb/ft3 (10−16 kg/m3): โฟมที่มีความหนาแน่นต่ำสุด มักใช้สำหรับงานบรรจุภัณฑ์ทั่วไป, งานหัตถกรรม, การเติมเต็มช่องว่าง, หรือไส้ในของผนังที่ไม่ต้องการรับแรงมากนัก
1.0−1.5 lb/ft3 (16−24 kg/m3): เป็นความหนาแน่นที่นิยมใช้มากที่สุดสำหรับงานฉนวนกันความร้อนทั่วไป, ผนังสำเร็จรูป, ฝ้าเพดาน, บรรจุภัณฑ์สินค้าทั่วไปที่ต้องการความแข็งแรงปานกลาง
1.5−2.0 lb/ft3 (24−32 kg/m3): ใช้สำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงเพิ่มขึ้น เช่น พื้นรองรับการจราจรเบา, งานประติมากรรมที่ต้องการรายละเอียดและความแข็งแรง
2.0−3.0 lb/ft3 (32−48 kg/m3): สำหรับงานที่ต้องการรับแรงกดสูง เช่น พื้นห้องเย็นที่ต้องรับน้ำหนักมาก, งานปรับระดับพื้นที่, GeoFoam ในงานถนนและสะพาน, หรือฐานรากอาคาร
สูงกว่า 3.0 lb/ft3 (เช่น 4.0−5.0 lb/ft3 หรือ 64−80 kg/m3): เป็นโฟมความหนาแน่นสูงมาก ใช้สำหรับงานเฉพาะทางที่ต้องการความแข็งแรงและแรงกดอัดสูงเป็นพิเศษ
เกรดของโฟม EPS ตามคุณสมบัติการติดไฟ: P-Grade (Normal Grade / Flammable Grade): โฟม EPS ทั่วไปที่ไม่มีสารหน่วงไฟ เมื่อติดไฟจะลามไฟได้ง่ายและรวดเร็ว เหมาะสำหรับงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงจากอัคคีภัย หรือเป็นงานที่ไม่สัมผัสเปลวไฟโดยตรง เช่น บรรจุภัณฑ์บางชนิด
F-Grade (Flame Retardant Grade / Self-extinguishing Grade): โฟม EPS ที่มีการเติมสารหน่วงไฟ (สารกลุ่มโบรมีนหรือสารทดแทน) ลงไปในกระบวนการผลิต ทำให้มีคุณสมบัติไม่ลามไฟ กล่าวคือ เมื่อได้รับเปลวไฟจะติดไฟได้ แต่เมื่อนำเปลวไฟออก ไฟจะดับเองภายในระยะเวลาสั้นๆ (มักกำหนดไม่เกิน 10 วินาที ตามมาตรฐาน) เหมาะสำหรับงานก่อสร้างและงานที่ต้องการความปลอดภัยด้านอัคคีภัยสูง
มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง: ASTM C578 (Standard Specification for Rigid Cellular Polystyrene Thermal Insulation) เป็นมาตรฐานสากลที่กำหนดคุณสมบัติทางกายภาพและประสิทธิภาพของโฟม EPS สำหรับงานฉนวนกันความร้อน
ข้อควรพิจารณาและข้อจำกัดของโฟม EPS (Considerations and Limitations)
ความทนทานต่อรังสียูวี (UV Resistance): โฟม EPS ไม่ทนทานต่อรังสียูวีโดยตรง หากได้รับแสงแดดเป็นเวลานานอาจทำให้ผิวโฟมเหลืองกรอบและเสื่อมสภาพได้ จึงควรมีการปิดผิวด้วยวัสดุอื่น เช่น แผ่นเหล็ก ปูนฉาบ หรือพลาสติก
ความทนทานต่อสารเคมี (Chemical Resistance): โฟม EPS ไม่ทนต่อสารทำละลายอินทรีย์บางชนิด เช่น ทินเนอร์, อะซิโตน, เบนซิน, สารกลุ่มอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน หรือน้ำมันเชื้อเพลิง สารเหล่านี้สามารถทำให้โฟมละลายหรือเสียหายได้ง่าย ควรระมัดระวังในการเลือกใช้กาวหรือสารเคลือบผิว
การติดไฟ (Flammability): แม้ว่า F-Grade จะมีคุณสมบัติไม่ลามไฟ แต่ก็ยังสามารถติดไฟได้หากได้รับความร้อนสูงมากเป็นเวลานาน หรือสัมผัสเปลวไฟโดยตรงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในบางพื้นที่ที่มีข้อกำหนดด้านความปลอดภัยจากอัคคีภัยที่เข้มงวด อาจพิจารณาใช้ฉนวนชนิดอื่นที่มีค่ากันไฟสูงกว่า เช่น PIR Foam
การจัดการขยะ (Waste Management): แม้จะรีไซเคิลได้ แต่เนื่องจากมีน้ำหนักเบาและมีปริมาตรมาก ทำให้การรวบรวมและขนส่งเพื่อรีไซเคิลมีต้นทุนสูง จึงมักถูกทิ้งเป็นขยะมูลฝอย ทำให้เกิดปัญหาด้านพื้นที่ฝังกลบ และการแตกตัวเป็น Microplastics ในสิ่งแวดล้อมหากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม
ด้านสิ่งแวดล้อมและการรีไซเคิล (Environmental Aspects and Recycling)
ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ปราศจากสารทำลายชั้นโอโซน: ไม่มีการใช้สาร CFCs หรือ HCFCs ในกระบวนการผลิต ซึ่งเป็นมิตรต่อชั้นบรรยากาศ
ประหยัดพลังงาน: การใช้โฟม EPS เป็นฉนวนในอาคารช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าสำหรับเครื่องปรับอากาศ ซึ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวม
ลดน้ำหนักโครงสร้าง: การใช้วัสดุที่เบาช่วยลดการใช้วัสดุอื่น ๆ และลดพลังงานในการขนส่ง
การรีไซเคิล: โฟม EPS เป็นพลาสติกประเภท Polystyrene (PS) ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มพลาสติกหมายเลข 6 ตามระบบรหัสการรีไซเคิล
สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ 100% โดยผ่านกระบวนการหลักๆ คือ: การบดอัด (Compacting/Densifying): โฟม EPS ที่รวบรวมได้จะถูกบดและอัดให้เป็นก้อนแน่น เพื่อลดปริมาตรและทำให้การขนส่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การหลอมและเม็ดใหม่ (Melting and Repelletizing): ก้อนโฟมที่อัดแล้วจะถูกนำไปหลอมและขึ้นรูปใหม่เป็นเม็ดพลาสติก Polystyrene ที่สามารถนำไปใช้ผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ได้หลากหลาย เช่น ตลับปากกา, ไม้บรรทัด, กรอบรูป, หรือแม้กระทั่งเส้นใยสังเคราะห์
การนำกลับมาใช้ใหม่โดยตรง: โฟม EPS บางส่วนอาจถูกบดเป็นเกล็ดเล็กๆ เพื่อนำไปผสมกับคอนกรีตน้ำหนักเบา หรือใช้เป็นวัสดุบรรจุภัณฑ์เติมเต็ม (Loose Fill)
ความท้าทายในการรีไซเคิลหลักๆ คือเรื่องของปริมาตรที่ใหญ่เมื่อเทียบกับน้ำหนัก ทำให้การเก็บรวบรวมและขนส่งไปยังโรงงานรีไซเคิลมีต้นทุนสูง
ขอรายละเอียดเพิ่มเติม
ขอใบเสนอราคา