เปรียบเทียบ EPS Foam กับ XPS Foam
Expanded Polystyrene Foam (EPS Foam) และ Extruded Polystyrene Foam (XPS Foam) เป็นโฟมโพลีสไตรีนที่นิยมใช้เป็นฉนวนกันความร้อนและวัสดุก่อสร้าง มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญในการผลิต โครงสร้าง และประสิทธิภาพในการใช้งานจริง ซึ่งส่งผลต่อการเลือกใช้งานในแต่ละประเภท
EPS Foam (Expanded Polystyrene Foam)
กระบวนการผลิต: ผลิตโดยการนำเม็ดโพลีสไตรีนไปอบด้วยไอน้ำ ทำให้เม็ดพลาสติกขยายตัวและเชื่อมติดกัน เกิดเป็นโครงสร้างเซลล์ปิดที่มีช่องว่างระหว่างเม็ดโฟมที่เชื่อมติดกันเล็กน้อย (interstitial voids)
คุณสมบัติ:
- โครงสร้าง: เป็นโครงสร้างเซลล์ปิด (Closed-cell) แต่ยังมีช่องว่างระหว่างเม็ดโฟมที่ขยายตัว
- น้ำหนัก: เบามาก
- ค่าการนำความร้อน (Thermal Conductivity / k-Value): มีค่าต่ำ (ประมาณ 0.032−0.045textW/(m⋅K)) ทำให้เป็นฉนวนกันความร้อนที่ดี แต่ R-value ต่อความหนาจะต่ำกว่า XPS เล็กน้อย (ประมาณ 3.8−4.5textR−value/inch)
- การดูดซึมน้ำ: มีการดูดซึมน้ำได้บ้างเมื่อเวลาผ่านไป หรือเมื่อสัมผัสกับน้ำโดยตรงเป็นเวลานาน เนื่องจากช่องว่างระหว่างเม็ดโฟม
- ความแข็งแรง: มีความแข็งแรงในการรับแรงกด (Compressive Strength) ที่ดี และมีความยืดหยุ่น สามารถรับแรงกระแทกได้
- การทนไฟ: โดยทั่วไปมีทั้งแบบที่ติดไฟได้ (Flammable) และแบบผสมสารกันไฟ (Fire-retardant / F-grade) ซึ่งจะติดไฟแต่ไม่ลามไฟ และดับเองเมื่อเอาแหล่งกำเนิดไฟออกไป
- การนำกลับมาใช้ใหม่: สามารถนำไปรีไซเคิลได้ และใช้พลังงานในการผลิตน้อยกว่า XPS
- ความคงทนต่อสารเคมี: มีความต้านทานต่ำต่อความเสียหายจากสารเคมีบางชนิด
- การยึดเกาะ: การยึดเกาะกับวัสดุอื่น ๆ อาจมีข้อจำกัด
- ราคา: โดยทั่วไปมีราคาถูกกว่า XPS Foam
การใช้งาน:
- งานก่อสร้าง:
- ฉนวนผนัง หลังคา และพื้น: นิยมใช้เป็นฉนวนกันความร้อนในอาคารบ้านเรือน ช่วยลดการสูญเสียพลังงานจากการใช้เครื่องปรับอากาศ
- วัสดุถมปรับระดับ: ใช้ปรับระดับพื้นถนน คอสะพาน หรือพื้นที่ที่ต้องการน้ำหนักเบาและรับน้ำหนักได้ดี เพื่อทดแทนดินหรือทราย
- แผ่นรองพื้น: ใช้รองใต้พื้นเพื่อเป็นฉนวนหรือลดแรงกระแทก
- ผนังห้องเย็น/ห้องเก็บยา: ด้วยคุณสมบัติเป็นฉนวนและไม่เป็นฝุ่นผง จึงเหมาะสำหรับห้องที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิและความสะอาด
- แผ่นผนังสำเร็จรูป (Sandwich Panel): ใช้เป็นแกนกลางของแผ่นผนังสำเร็จรูป
- งานบรรจุภัณฑ์: ใช้เป็นวัสดุกันกระแทกสำหรับสินค้าต่าง ๆ เนื่องจากน้ำหนักเบาและมีความสามารถในการดูดซับแรงกระแทกได้ดี
- งานประดิษฐ์และโมเดล: ด้วยความเบาและตัดแต่งขึ้นรูปได้ง่าย
- การปลูกพืช: เศษวัสดุสามารถนำมาผสมดินเพื่อเพิ่มโพรงอากาศ
ข้อดี:
- น้ำหนักเบามาก
- ราคาถูกกว่า
- เป็นฉนวนกันความร้อนที่ดี
- ดูดซับแรงกระแทกได้ดี
- รีไซเคิลได้
- ติดตั้งง่าย ขนย้ายสะดวก
- มีแบบไม่ลามไฟ (F-grade)
ข้อเสีย:
- มีการดูดซึมน้ำได้บ้างเมื่อเวลาผ่านไปหรือสัมผัสความชื้นสูง
- R-value ต่อความหนาต่ำกว่า XPS เล็กน้อย
- โครงสร้างอาจมีช่องว่างระหว่างเม็ดโฟม ทำให้ประสิทธิภาพการเป็นฉนวนลดลงเล็กน้อยเมื่อมีน้ำหรือความชื้นแทรกซึม
- ความทนทานต่อสารเคมีบางชนิดต่ำ

Add a compelling title for your section to engage your audience.
Use this paragraph section to get your website visitors to know you. Consider writing about you or your organization, the products or services you offer, or why you exist. Keep a consistent communication style.

Add a descriptive title for the column.
XPS Foam (Extruded Polystyrene Foam)
กระบวนการผลิต: ผลิตโดยกระบวนการอัดรีด (Extrusion) ทำให้ได้โฟมที่มีโครงสร้างเซลล์ปิดที่สม่ำเสมอและหนาแน่นกว่า มีผิวเรียบ ไม่มีช่องว่างระหว่างเม็ดโฟม
คุณสมบัติ:
- โครงสร้าง: เป็นโครงสร้างเซลล์ปิดแบบสมบูรณ์และหนาแน่น (Homogeneous Closed-cell Structure)
- น้ำหนัก: เบากว่าวัสดุก่อสร้างทั่วไป แต่หนักกว่า EPS เล็กน้อย
- ค่าการนำความร้อน (Thermal Conductivity / k-Value): มีค่าต่ำมาก (ประมาณ 0.027−0.032textW/(m⋅K)) ทำให้เป็นฉนวนกันความร้อนที่ยอดเยี่ยม และมี R-value ต่อความหนาสูงกว่า EPS (ประมาณ 5.0textR−value/inch)
- การดูดซึมน้ำ: มีการดูดซึมน้ำต่ำมาก (ประมาณ 0.1 โดยปริมาตร) เนื่องจากโครงสร้างเซลล์ปิดที่หนาแน่น จึงทนทานต่อความชื้นได้ดีเยี่ยม
- ความแข็งแรง: มีความแข็งแรงในการรับแรงกดสูงกว่า EPS มาก (บางข้อมูลระบุว่าสูงกว่าถึง 4 เท่า) ทำให้ทนทานต่อแรงกดทับได้ดี
- การทนไฟ: มีทั้งแบบที่ติดไฟได้และแบบไม่ลามไฟ (Fire-retardant)
- การนำกลับมาใช้ใหม่: สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่กระบวนการผลิตอาจใช้สารเป่าลมที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (เช่น HCFCs) แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาสารเป่าลมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
- ความคงทนต่อสารเคมี: คล้ายกับ EPS คือมีความต้านทานต่ำต่อสารเคมีบางชนิด
- ราคา: โดยทั่วไปมีราคาสูงกว่า EPS Foam
การใช้งาน:
- งานก่อสร้างที่ต้องการความต้านทานความชื้นสูง:
- ฉนวนใต้ดิน (Below-grade insulation): เหมาะสำหรับผนังฐานราก ใต้พื้นดิน หรือบริเวณที่มีความชื้นสูง
- ฉนวนหลังคาแบบกลับด้าน (Inverted Roof): เนื่องจากทนทานต่อน้ำและความร้อนได้ดี
- ฉนวนพื้นสำหรับปูทับด้วยกระเบื้องโดยตรง: ด้วยความแข็งแรงและไม่ดูดซึมน้ำ ทำให้สามารถปูทับกระเบื้องได้เลยโดยไม่ต้องทำท็อปปิ้งคอนกรีตหน้าโฟม
- ฉนวนในพื้นที่เปียก: เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว
- ผนังห้องเย็น/ห้องแช่แข็ง: ที่ต้องการประสิทธิภาพการกันความเย็นสูงสุดและทนทานต่อความชื้น
- งานโครงสร้างที่ต้องการรับน้ำหนัก: ใช้ในงานที่ต้องการความแข็งแรงในการรับแรงกด เช่น แผ่นรองรับน้ำหนักใต้พื้น
- งานที่ต้องการประสิทธิภาพฉนวนสูงในพื้นที่จำกัด: เนื่องจากมี R-value สูงต่อความหนา จึงเหมาะสำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงแต่มีพื้นที่จำกัด
ข้อดี:
- ต้านทานการดูดซึมน้ำและความชื้นได้ดีเยี่ยม
- มีค่า R-value ต่อความหนาสูงกว่า EPS ทำให้เป็นฉนวนที่ดีกว่าในความหนาเท่ากัน
- มีความแข็งแรงในการรับแรงกดสูง
- คงรูปได้ดี ไม่เสียรูปง่าย
- ทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดี
- ลดการซึมผ่านของไอน้ำ
ข้อเสีย:
- ราคาสูงกว่า EPS
- กระบวนการผลิตอาจใช้สารเป่าลมที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (แต่กำลังมีการพัฒนาให้เป็นมิตรมากขึ้น)
- อาจมีความไวต่ออุณหภูมิที่สูงเกินไป (จุดวาบไฟ)
สรุปตารางเปรียบเทียบ (ข้อมูลใช้งานได้จริง)
คุณสมบัติ 153_f71881-c8> |
EPS Foam (Expanded Polystyrene Foam) 153_23ad54-04> |
XPS Foam (Extruded Polystyrene Foam) 153_f8db29-c0> |
---|---|---|
กระบวนการผลิต 153_f41932-9e> |
อบเม็ดโพลีสไตรีนด้วยไอน้ำให้ขยายตัวและเชื่อมติดกัน 153_b336e0-61> |
อัดรีดเม็ดโพลีสไตรีนภายใต้ความร้อนและความดัน 153_647bd5-f9> |
โครงสร้างเซลล์ 153_b18bae-29> |
เซลล์ปิด แต่มีช่องว่างระหว่างเม็ดโฟม (interstitial voids) 153_629de7-7d> |
เซลล์ปิดแบบสมบูรณ์และหนาแน่น (Homogeneous) 153_ec768e-9d> |
น้ำหนัก 153_5fc481-8e> |
เบามาก 153_cef1bb-7f> |
เบา (แต่หนักกว่า EPS เล็กน้อย) 153_f94e88-3d> |
ค่า R-value (ต่อความหนา 1 นิ้ว) 153_2f2a3e-65> |
ประมาณ 3.8−4.5 153_69f144-59> |
ประมาณ 5.0 153_07ca36-16> |
การดูดซึมน้ำ 153_5980ae-c0> |
มีการดูดซึมน้ำได้บ้างเมื่อสัมผัสความชื้นเป็นเวลานาน 153_11f56d-5b> |
ต่ำมาก (0.1 โดยปริมาตร) ทนความชื้นได้ดีเยี่ยม 153_71bd45-29> |
ความแข็งแรงรับแรงกด 153_cb2e05-f4> |
ดี (ประมาณ 15−28textpsi) 153_89fb73-df> |
สูงมาก (สูงกว่า EPS ถึง 4 เท่าตัว, ประมาณ 25−100textpsi) 153_a401d7-d9> |
ความทนทานต่อแรงกระแทก 153_387a3a-2c> |
ดี มีความยืดหยุ่น 153_f4bbd1-72> |
ดีเยี่ยม แข็งแรงและคงรูปกว่า 153_c4c24a-06> |
การทนไฟ 153_6ab414-fa> |
มีทั้งแบบติดไฟได้ และแบบไม่ลามไฟ (F-grade) 153_74be52-c2> |
มีทั้งแบบติดไฟได้ และแบบไม่ลามไฟ 153_f5e4e4-d8> |
การตัดแต่ง 153_14d002-80> |
ง่ายต่อการตัดแต่งด้วยเครื่องมือทั่วไป 153_3aeee4-d5> |
ตัดแต่งได้ แต่เนื้อแน่นกว่า อาจต้องใช้เครื่องมือที่คมกว่า 153_c69657-b9> |
ราคา 153_ed3b9a-08> |
โดยทั่วไปถูกกว่า 153_e9febb-c8> |
โดยทั่วไปแพงกว่า 153_ac2d16-d3> |
ความคงทนต่อสารเคมี 153_7fa2cb-ba> |
ต่ำต่อสารเคมีบางชนิด 153_b00b0c-d8> |
ต่ำต่อสารเคมีบางชนิด 153_3ad52e-32> |
การรีไซเคิล 153_fce5f0-b8> |
ทำได้ง่ายกว่า และใช้พลังงานในการผลิตน้อยกว่า 153_81c8e1-1d> |
ทำได้ แต่กระบวนการผลิตอาจมีผลต่อสิ่งแวดล้อมจากสารเป่าลม (กำลังพัฒนา) 153_af83f4-da> |
การใช้งานที่เหมาะสม 153_494116-e1> |
– ฉนวนผนัง, หลังคา, พื้นทั่วไป – วัสดุถมปรับระดับถนน, คอสะพาน – ผนังห้องเย็นทั่วไป – บรรจุภัณฑ์กันกระแทก – งานประดิษฐ์ โมเดล 153_fe8ff1-17> |
– ฉนวนใต้ดิน, ใต้พื้น, หลังคาแบบกลับด้าน – ผนังห้องเย็น/ห้องแช่แข็งที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด – พื้นที่ที่ต้องสัมผัสความชื้นสูง – งานที่ต้องการความแข็งแรงรับแรงกดสูง – งานที่ต้องการประสิทธิภาพฉนวนสูงในพื้นที่จำกัด 153_9c942b-28> |
ข้อแนะนำในการเลือกใช้งาน
ถ้าเน้นเรื่องงบประมาณและความเบาเป็นหลัก: EPS Foam เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยม
ถ้าเน้นเรื่องประสิทธิภาพการเป็นฉนวนที่สูงสุด การทนทานต่อความชื้น และความแข็งแรงในการรับแรงกด: XPS Foam จะเป็นตัวเลือกที่เหนือกว่า โดยเฉพาะในงานที่ต้องสัมผัสกับความชื้นโดยตรง เช่น ใต้ดิน หรือในห้องแช่แข็ง
การเลือกใช้ระหว่าง EPS Foam และ XPS Foam ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของโครงการ งบประมาณ และสภาพแวดล้อมที่จะนำไปใช้งาน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่าที่สุดครับ
ข้อมูลเพิ่มเติมและการพิจารณาเลือกใช้
1. การทนไฟและจุดวาบไฟ (Flammability and Flash Point)
เป็นสิ่งสำคัญมากในการใช้งานวัสดุฉนวน โดยเฉพาะในงานก่อสร้าง
- EPS Foam:
- คุณสมบัติทั่วไป: EPS Foam แบบมาตรฐาน (General Purpose) เป็นวัสดุที่ติดไฟได้ง่ายและจะลามไฟได้
- ประเภทไม่ลามไฟ (F-grade / Fire Retardant): EPS ที่ใช้ในงานก่อสร้างส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะมีการเติมสารหน่วงการติดไฟ (Fire Retardant Additives) ทำให้เป็นเกรด “ไม่ลามไฟ” (Self-extinguishing) หมายความว่า เมื่อได้รับเปลวไฟโดยตรงจะติดไฟ แต่เมื่อเอาแหล่งกำเนิดไฟออก ไฟจะมอดดับเองภายในระยะเวลาอันสั้น และจะไม่ลามไปทั่วทั้งแผ่น
- จุดวาบไฟ (Flash Point): อยู่ที่ประมาณ 345−360°C
- ควันและสารพิษ: เมื่อถูกความร้อนสูงหรือเกิดการเผาไหม้ อาจเกิดควันและสารพิษได้ ควรพิจารณาเรื่องระบบระบายอากาศและความปลอดภัยในกรณีเกิดเพลิงไหม้
- XPS Foam:
- คุณสมบัติทั่วไป: XPS Foam ก็เป็นวัสดุที่ติดไฟได้เช่นกัน
- ประเภทไม่ลามไฟ (Fire Retardant): เช่นเดียวกับ EPS, XPS ที่ใช้ในงานก่อสร้างก็มักจะมีการเติมสารหน่วงการติดไฟ ทำให้เป็นเกรด “ไม่ลามไฟ” (Self-extinguishing) ซึ่งจะติดไฟเฉพาะจุดที่สัมผัสเปลวไฟและจะดับเองเมื่อเอาแหล่งกำเนิดไฟออกไป
- จุดวาบไฟ (Flash Point): ข้อมูลเฉพาะเจาะจงของจุดวาบไฟของ XPS อาจแตกต่างกันไปตามผู้ผลิตและสารเติมแต่ง แต่โดยรวมแล้วมีคุณสมบัติการติดไฟคล้ายกับ EPS คือจะติดไฟเมื่อได้รับความร้อนสูงและมีสารหน่วงการติดไฟเพื่อลดการลามไฟ
- ควันและสารพิษ: คล้ายกับ EPS คือเมื่อถูกความร้อนสูงหรือเผาไหม้อาจเกิดควันและสารพิษได้
ข้อควรระวัง: ไม่มีโฟมโพลีสไตรีนชนิดใดที่ไม่ติดไฟเลย แต่เกรด “ไม่ลามไฟ” ช่วยลดความเสี่ยงการลามไฟได้มาก การเลือกใช้โฟมที่มีมาตรฐานการทนไฟที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ
2. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact)
- EPS Foam:
- กระบวนการผลิต: ใช้ไอน้ำในการขยายตัว ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้พลังงานน้อยกว่าการผลิต XPS
- สารเป่าลม: ใช้สาร Pentane ซึ่งเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่ระเหยง่าย แต่มีผลกระทบต่อชั้นโอโซนน้อยมาก (Zero ODP – Ozone Depletion Potential) และมีค่าศักยภาพในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อนต่ำ (Low GWP – Global Warming Potential)
- การรีไซเคิล: สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ง่ายและมีตลาดรองรับการรีไซเคิลที่กว้างขวางกว่า เช่น นำไปบดเป็นเม็ดใหม่สำหรับทำโฟมหรือผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่น ๆ
- ของเสีย: เศษวัสดุสามารถนำไปใช้เป็นวัสดุผสมน้ำหนักเบาในงานคอนกรีต หรือใช้ในงานถมปรับระดับ
- XPS Foam:
- กระบวนการผลิต: เป็นกระบวนการอัดรีดที่ซับซ้อนกว่าและอาจใช้พลังงานมากกว่า
- สารเป่าลม: ในอดีตอาจมีการใช้สาร HCFCs (Hydrochlorofluorocarbons) ซึ่งมีผลกระทบต่อชั้นโอโซน แต่ปัจจุบันผู้ผลิตส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนไปใช้สารเป่าลมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น HFCs (Hydrofluorocarbons) หรือ CO2 (Carbon Dioxide) ซึ่งมีผลกระทบต่อชั้นโอโซนเป็นศูนย์ (Zero ODP) อย่างไรก็ตาม HFCs ยังคงมีค่า GWP ที่สูงกว่า Pentane เล็กน้อย
- การรีไซเคิล: สามารถรีไซเคิลได้เช่นกัน แต่กระบวนการอาจซับซ้อนกว่า EPS เล็กน้อย และอาจมีข้อจำกัดในการใช้งานรีไซเคิลบางประเภท
ข้อควรพิจารณา: ในภาพรวม EPS Foam ถือว่ามีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า XPS Foam ในแง่ของกระบวนการผลิตและชนิดของสารเป่าลมที่ใช้ แต่ทั้งสองชนิดก็ถือว่าเป็นวัสดุที่ช่วยประหยัดพลังงานในอาคารได้ ซึ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระยะยาว
3. ความคงทนต่อสารเคมี (Chemical Resistance)
- ทั้ง EPS และ XPS:
- ทนทานต่อ: น้ำ, ด่าง, กรดอ่อน ๆ, แอลกอฮอล์
- ไม่ทนทานต่อ: สารประกอบไฮโดรคาร์บอนบางชนิด เช่น น้ำมันเบนซิน, ทินเนอร์, สารละลายอินทรีย์, แอลกอฮอล์เข้มข้น, น้ำมันดิน (asphalt) หรือสารละลายที่มีตัวทำละลายอินทรีย์ (organic solvents) ซึ่งอาจทำให้โฟมละลายหรือเสื่อมสภาพได้
- คำแนะนำ: ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าวัสดุที่จะสัมผัสกับโฟมโดยตรงไม่มีสารเคมีเหล่านี้ โดยเฉพาะกาวหรือสีทา
4. การติดตั้งและแปรรูป (Installation and Fabrication)
- EPS Foam:
- การตัด: ตัดง่ายด้วยมีดคัตเตอร์หรือเลื่อยทั่วไป
- การขึ้นรูป: สามารถขึ้นรูป ตัด เจาะ ได้หลากหลายรูปแบบ เหมาะกับงานที่ต้องการความยืดหยุ่นในการออกแบบ
- การยึดติด: สามารถใช้กาวเฉพาะสำหรับโฟม, ปูนกาว, หรือวิธีการยึดเชิงกล เช่น การยิงสกรูยึดกับโครงสร้าง
- XPS Foam:
- การตัด: ตัดได้ด้วยมีดคัตเตอร์หรือเลื่อยเช่นกัน แต่เนื่องจากเนื้อแน่นกว่า อาจต้องใช้แรงหรือเครื่องมือที่คมกว่า
- การขึ้นรูป: ขึ้นรูปได้ดี แต่เนื่องจากความหนาแน่นสูงกว่า อาจมีความยืดหยุ่นในการขึ้นรูปที่ซับซ้อนน้อยกว่า EPS
- การยึดติด: คล้ายกับ EPS
5. การควบคุมคุณภาพและมาตรฐาน (Quality Control and Standards)
- ทั้ง EPS และ XPS มีมาตรฐานอุตสาหกรรมรองรับ เช่น ASTM (American Society for Testing and Materials) หรือ JIS (Japanese Industrial Standards) ซึ่งระบุคุณสมบัติทางกายภาพและประสิทธิภาพของวัสดุ
- ผู้ใช้งานควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ได้รับการรับรองตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณสมบัติ “ไม่ลามไฟ” (F-grade หรือ Fire Retardant)
6. การเปรียบเทียบในมุมมองเชิงเศรษฐศาสตร์ (Economic Perspective)
- ต้นทุนเริ่มต้น: EPS Foam มีราคาต่อหน่วย (เช่น ต่อลูกบาศก์เมตร) ที่ถูกกว่า XPS Foam อย่างเห็นได้ชัด
- ประสิทธิภาพต่อต้นทุน: แม้ XPS จะมีค่า R-value สูงกว่า แต่เมื่อพิจารณาต้นทุนต่อ R-value แล้ว EPS อาจให้ความคุ้มค่าที่ดีในหลาย ๆ กรณี โดยเฉพาะงานที่ต้องการความหนาของฉนวนมาก ๆ
- ต้นทุนการติดตั้ง: โดยทั่วไปไม่แตกต่างกันมากนัก
บทสรุปและข้อแนะนำเพิ่มเติม
การเลือกใช้ EPS Foam หรือ XPS Foam ควรพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้ร่วมกัน:
1.สภาพแวดล้อมการใช้งาน:
- งานที่สัมผัสความชื้นสูง (ใต้ดิน, ห้องเย็น/แช่แข็ง, หลังคาแบบกลับด้าน): XPS Foam คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ด้วยคุณสมบัติการดูดซึมน้ำต่ำและความแข็งแรงสูง
- งานทั่วไป (ผนัง, หลังคา, พื้นภายใน): EPS Foam เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและให้ประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม
2.งบประมาณ: หากงบประมาณจำกัดและต้องการประสิทธิภาพฉนวนที่ดี EPS Foam เป็นทางเลือกที่ประหยัดกว่า
3.ความแข็งแรงที่ต้องการ: หากต้องการวัสดุที่รับแรงกดได้สูงเป็นพิเศษ เช่น ใต้พื้นที่มีการสัญจรหนัก หรือเป็นวัสดุถมปรับระดับขนาดใหญ่ XPS Foam เหนือกว่า
4.ข้อจำกัดด้านพื้นที่: หากต้องการประสิทธิภาพฉนวนสูงในความหนาที่จำกัด XPS Foam มีค่า R-value ต่อความหนาที่สูงกว่า
5.ความปลอดภัยด้านอัคคีภัย: ไม่ว่าจะเลือกแบบใด ควรเลือกเกรด “ไม่ลามไฟ” (F-grade / Fire Retardant) เสมอ เพื่อความปลอดภัย 6.ความยั่งยืน: หากพิจารณาด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตและการรีไซเคิล EPS Foam มีแนวโน้มที่จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าเล็กน้อยในปัจจุบัน
ขอรายละเอียดเพิ่มเติม
ขอใบเสนอราคา