โฟมก้อน (EPS Foam) คืออะไร?
EPS Foam หรือ Expanded Polystyrene Foam คือ โฟมที่ผลิตจากเม็ดพลาสติก Polystyrene ที่ผ่านกระบวนการขยายตัวด้วยก๊าซ Pentane เมื่อได้รับความร้อนจากไอน้ำ เม็ดพลาสติกจะขยายตัวเป็นโฟมก้อนสีขาว และสามารถนำไปขึ้นรูปได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการอัดเป็นรูปร่างต่างๆ หรืออัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมแล้วนำไปตัดเป็นแผ่นตามความหนาที่ต้องการ
โดยพื้นฐานแล้ว โฟม EPS มีโครงสร้างเซลล์ปิด (Closed-Cell) ซึ่งภายในมีอากาศอยู่ถึง 98% ทำให้มีคุณสมบัติเป็นฉนวนที่ดีเยี่ยม และมีน้ำหนักเบามาก
กระบวนการผลิตโฟม EPS
เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับกระบวนการผลิต:
- การผลิตเม็ด Polystyrene (Pre-polymerization):
- เริ่มต้นจากโมโนเมอร์ของสไตรีน (Styrene Monomer) ซึ่งเป็นของเหลว
- นำมาผ่านกระบวนการพอลิเมอไรเซชัน (Polymerization) เพื่อเปลี่ยนเป็นเม็ดพลาสติก Polystyrene (PS) ทรงกลมเล็กๆ คล้ายเม็ดทรายขาว
- ในระหว่างกระบวนการนี้ จะมีการเติมสารขยายตัว (Blowing Agent) ซึ่งส่วนใหญ่คือ Pentane (เป็นสารไฮโดรคาร์บอนที่ระเหยง่าย) เข้าไปในโครงสร้างของเม็ด PS เม็ดเหล่านี้คือ “เม็ด EPS ดิบ”
- การนึ่งให้ขยายตัวครั้งแรก (Pre-expansion):
- เม็ด EPS ดิบจะถูกป้อนเข้าสู่เครื่อง Pre-expander ซึ่งเป็นถังที่มีไอน้ำร้อนฉีดเข้าไป
- ความร้อนจากไอน้ำทำให้เม็ด PS อ่อนตัวลง และ Pentane ที่ถูกกักเก็บอยู่ภายในเม็ดจะระเหยกลายเป็นก๊าซ ขยายตัวดันให้เม็ดโฟมพองขึ้นเหมือนป๊อปคอร์น
- ขนาดของการขยายตัวถูกควบคุมด้วยอุณหภูมิ, แรงดันไอน้ำ, และระยะเวลาที่เม็ดโฟมอยู่ในเครื่อง เพื่อให้ได้ความหนาแน่นตามที่ต้องการ
- หลังจากการขยายตัว เม็ดโฟมจะมีขนาดใหญ่ขึ้นประมาณ 30-50 เท่า และมีโครงสร้างเซลล์ปิดที่มีอากาศอยู่ภายใน
- การพักตัว (Aging/Stabilization):
- เม็ดโฟมที่ขยายตัวแล้วจะถูกลำเลียงไปยังถังพักหรือไซโลขนาดใหญ่ที่มีการระบายอากาศ
- ขั้นตอนนี้มีความสำคัญเพื่อปรับสมดุลของความดันภายในเซลล์และปล่อยก๊าซ Pentane ส่วนเกินที่ตกค้างอยู่เล็กน้อยออกไป ทำให้เม็ดโฟมมีความเสถียรและแข็งแรงเพียงพอที่จะนำไปขึ้นรูปในขั้นตอนต่อไป หากไม่พักตัวให้เพียงพอ อาจทำให้ผลิตภัณฑ์สุดท้ายหดตัวหรือเสียรูปได้
- การขึ้นรูป (Molding):
- เม็ดโฟมที่พักตัวแล้วจะถูกนำไปบรรจุในแม่พิมพ์ (Block Mold หรือ Shape Mold) ที่ทำจากอลูมิเนียมหรือสเตนเลสสตีล
- ไอน้ำร้อนจะถูกฉีดเข้าไปในแม่พิมพ์อีกครั้ง ทำให้เม็ดโฟมขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และแรงดันไอน้ำจะดันให้เม็ดโฟมแต่ละเม็ดหลอมรวมติดกันเป็นเนื้อเดียวกันจนเต็มแม่พิมพ์ และเกิดเป็นก้อนโฟมขนาดใหญ่ (Block) หรือเป็นรูปร่างสำเร็จรูปตามแม่พิมพ์
- จากนั้นจะมีการเป่าลมเย็นหรือน้ำเพื่อลดอุณหภูมิและช่วยให้โฟมแข็งตัวและรักษารูปทรงไว้
- การตัดแต่งและการแปรรูป (Cutting and Shaping):
- สำหรับโฟมก้อนใหญ่ (Block) จะถูกนำไปตัดด้วยลวดความร้อน (Hot Wire Cutter) หรือเลื่อย ให้เป็นแผ่น (Sheet), แถบ (Slab) หรือรูปร่างอื่นๆ ตามขนาดและความหนาที่ต้องการอย่างแม่นยำ
- ส่วนโฟมที่ขึ้นรูปจากแม่พิมพ์โดยตรง (เช่น บรรจุภัณฑ์) ก็จะมีการตรวจสอบคุณภาพและเตรียมพร้อมสำหรับการจัดส่ง
ประเภทของโฟม EPS
โฟม EPS แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักตามคุณสมบัติการติดไฟ:
- EPS Foam ชนิดลามไฟ (P-Grade – General Purpose Grade):
- เป็นโฟมเกรดธรรมดาที่สามารถลุกติดไฟและลามไปได้อย่างรวดเร็ว
- เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างหรือการใช้งานที่ต้องการความปลอดภัยด้านอัคคีภัยสูง
- มักใช้ในงานบรรจุภัณฑ์, งานประดิษฐ์, หรือโครงงานชั่วคราวที่ไม่ต้องการคุณสมบัติหน่วงไฟ
- EPS Foam ชนิดไม่ลามไฟ (F-Grade – Fire Retardant Grade):
- เป็นโฟมที่ผ่านกระบวนการเพิ่มสารหน่วงการลามไฟ ทำให้เมื่อได้รับความร้อนจะไม่ลุกติดไฟและลามไปอย่างรวดเร็ว แต่จะเกิดการหดตัวหรือหลอมละลายแทน
- เป็นที่นิยมอย่างมากในงานก่อสร้างและอุตสาหกรรมที่ต้องการความปลอดภัยสูง
- บางชนิดสามารถกันไฟลามได้นานถึง 4 ชั่วโมง และไม่เกิดควันดำที่เป็นอันตรายจำนวนมาก
- สามารถผลิตได้ตั้งแต่ความหนาแน่น 1.00 ปอนด์/ลูกบาศก์ฟุต ขึ้นไป

Add a compelling title for your section to engage your audience.
Use this paragraph section to get your website visitors to know you. Consider writing about you or your organization, the products or services you offer, or why you exist. Keep a consistent communication style.

Add a descriptive title for the column.
มาตรฐานและเกรดของ EPS Foam
นอกจาก P-Grade และ F-Grade ที่กล่าวไปแล้ว ยังมีมาตรฐานและเกรดอื่นๆ ที่ใช้ในการจำแนก EPS Foam โดยเฉพาะในระดับสากลและในงานเฉพาะทาง ซึ่งมักจะอ้างอิงกับ “ความหนาแน่น” (Density) และ “กำลังอัด” (Compressive Strength) เป็นหลัก
- มาตรฐานสากล: ในบางประเทศหรือภูมิภาค จะมีการกำหนดมาตรฐานเฉพาะสำหรับ EPS Foam เช่น ASTM C578 (Standard Specification for Rigid, Cellular Polystyrene Thermal Insulation) ในสหรัฐอเมริกา หรือ EN 13163 (Thermal insulation products for buildings – Factory made products of expanded polystyrene (EPS) – Specification) ในยุโรป ซึ่งจะกำหนดคุณสมบัติทางกายภาพและเชิงกลของโฟมในแต่ละเกรด
- การแบ่งเกรดตามความหนาแน่นและกำลังอัด:
- SL (Standard Light): ความหนาแน่นต่ำสุด (ประมาณ 13.5 kg/m³ หรือ 0.84 lb/ft³) เหมาะสำหรับงานฉนวนทั่วไปที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมาก เช่น ฉนวนผนังที่ไม่ใช่โครงสร้าง, งานบรรจุภัณฑ์
- M (Medium): ความหนาแน่นปานกลาง (ประมาณ 19 kg/m³ หรือ 1.18 lb/ft³) มีความสมดุลระหว่างความเป็นฉนวนและความแข็งแรง ใช้ในงานฉนวนผนังและหลังคา, พื้นที่ที่ไม่ได้รับแรงกดมากนัก
- H (High): ความหนาแน่นสูงขึ้น (ประมาณ 24 kg/m³ หรือ 1.50 lb/ft³) เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงและรับน้ำหนักได้ดีขึ้น เช่น พื้นที่ใต้พื้นคอนกรีต, งาน Geofoam ที่ไม่ได้รับน้ำหนักมาก
- VH (Very High): ความหนาแน่นสูงมาก (ประมาณ 28 kg/m³ หรือ 1.75 lb/ft³) และยังมีเกรดที่สูงกว่านี้อีก (เช่น 2.0 lb/ft³ หรือ 32 kg/m³ ขึ้นไป) สำหรับงานวิศวกรรมที่ต้องการกำลังอัดสูงมาก เช่น Geofoam สำหรับถนน, สะพาน, หรือโครงสร้างที่รับน้ำหนักมาก
คุณสมบัติทางเทคนิคที่สำคัญของ EPS Foam
นอกจากคุณสมบัติเบื้องต้นแล้ว ยังมีคุณสมบัติทางเทคนิคเชิงลึกที่ควรทราบ:
- ค่าการนำความร้อน (Thermal Conductivity / k-value): ค่านี้บ่งบอกถึงความสามารถในการนำความร้อนของวัสดุ ยิ่งค่า k-value ต่ำเท่าไหร่ วัสดุนั้นก็ยิ่งเป็นฉนวนที่ดีเท่านั้น โฟม EPS มีค่า k-value อยู่ในช่วงประมาณ 0.032 – 0.040 \(W/(m⋅K) (วัตต์ต่อเมตร-เคลวิน) ซึ่งถือเป็นค่าที่ต่ำมาก ทำให้เป็นฉนวนความร้อนที่ดีเยี่ยม
- ค่าความต้านทานความร้อน (Thermal Resistance / R-value): ค่า R-value คือส่วนกลับของค่า k-value คูณด้วยความหนาของวัสดุ ยิ่งค่า R-value สูงเท่าไหร่ วัสดุนั้นก็ยิ่งต้านทานการไหลของความร้อนได้ดีเท่านั้น ค่า R-value จะเพิ่มขึ้นตามความหนาของโฟม
- กำลังอัด (Compressive Strength): เป็นคุณสมบัติสำคัญที่บ่งบอกถึงความสามารถของโฟมในการรับแรงกดโดยไม่เกิดการเสียรูปอย่างถาวร วัดเป็น kPa (กิโลพาสคาล) หรือ psi (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) ค่านี้จะแปรผันตามความหนาแน่นของโฟม ยิ่งความหนาแน่นสูง กำลังอัดก็ยิ่งสูง
- โฟม EPS ความหนาแน่น 1.0 lb/ft³ มักมีกำลังอัดประมาณ 10 psi หรือประมาณ 70 kPa
- โฟม EPS สำหรับงาน Geofoam อาจมีกำลังอัดสูงถึง 25 psi หรือประมาณ 170 kPa ขึ้นไป
- การดูดซึมน้ำ (Water Absorption): โฟม EPS มีโครงสร้างเซลล์ปิด ทำให้มีการดูดซึมน้ำต่ำมาก (มักน้อยกว่า 3-5% โดยน้ำหนักเมื่อแช่น้ำเต็มที่) ซึ่งช่วยรักษาคุณสมบัติการเป็นฉนวนแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้น
- การซึมผ่านไอน้ำ (Water Vapor Permeance): ความสามารถของไอน้ำที่จะผ่านเข้าไปในเนื้อวัสดุ โฟม EPS มีค่าการซึมผ่านไอน้ำค่อนข้างต่ำ แต่ก็ไม่ได้กันไอน้ำได้สมบูรณ์แบบเหมือน Vapor Barrier
- เสถียรภาพทางมิติ (Dimensional Stability): การเปลี่ยนแปลงขนาดของวัสดุเมื่อได้รับความร้อนหรือความชื้น โฟม EPS มีเสถียรภาพทางมิติที่ดี ไม่หดตัวหรือขยายตัวมากนักภายใต้สภาพการใช้งานปกติ
- อุณหภูมิใช้งาน (Service Temperature): โฟม EPS ทั่วไปสามารถทนอุณหภูมิใช้งานได้ตั้งแต่ประมาณ −50∘C ถึง +85∘C อุณหภูมิที่สูงกว่านี้อาจทำให้โฟมเริ่มหดตัวหรือหลอมละลาย
วิธีการเลือกโฟม EPS ให้เหมาะสมกับการใช้งาน
การเลือกโฟม EPS ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และสภาพการใช้งานเป็นหลัก ควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้:
- เกรดของโฟม (P-Grade vs. F-Grade):
- งานก่อสร้าง หรืองานที่ต้องการความปลอดภัยด้านอัคคีภัยสูง: ควรเลือกใช้ EPS Foam ชนิดไม่ลามไฟ (F-Grade) เป็นหลัก เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
- งานทั่วไป งานประดิษฐ์ หรือบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ต้องการคุณสมบัติหน่วงไฟ: สามารถใช้ EPS Foam ชนิดลามไฟ (P-Grade) ได้ เพื่อลดต้นทุน
- ความหนาแน่น (Density):
- ความหนาแน่นของโฟม EPS วัดเป็นปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต (lb/ft³) หรือกิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (kg/m³) ยิ่งความหนาแน่นสูง โฟมก็จะยิ่งแข็งแรงและสามารถรับน้ำหนักได้มากขึ้น
- ความหนาแน่นต่ำ (เช่น 0.6 – 1.0 lb/ft³): เหมาะสำหรับงานบรรจุภัณฑ์, งานกันกระแทก, หรืองานที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมากนัก
- ความหนาแน่นปานกลาง (เช่น 1.0 – 1.5 lb/ft³): นิยมใช้ในงานฉนวนกันความร้อน, ผนังเบา, หรือส่วนประกอบอาคารที่ไม่ต้องรับน้ำหนักโครงสร้างโดยตรง
- ความหนาแน่นสูง (เช่น 1.5 – 2.0 lb/ft³ ขึ้นไป): เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง, งานรับน้ำหนัก, หรือใช้เป็นวัสดุรองรับในงานวิศวกรรมโยธา เช่น การปรับระดับพื้น, ถนน
- ความหนา (Thickness):
- ความหนาของแผ่นโฟมมีผลโดยตรงต่อคุณสมบัติการเป็นฉนวนกันความร้อนและเสียง
- งานฉนวนกันความร้อน/เย็น: เลือกความหนาที่เหมาะสมกับอุณหภูมิที่ต้องการควบคุม ยิ่งหนามาก ยิ่งเป็นฉนวนได้ดี (ค่า U-value ต่ำลง) โดยทั่วไปในงานผนังอาจใช้ความหนาตั้งแต่ 75-100 มม. ขึ้นไป
- งานรับน้ำหนัก/โครงสร้าง: เลือกความหนาที่เพียงพอต่อการรับแรงตามการออกแบบ
- ขนาดมาตรฐานของแผ่นโฟม: โดยทั่วไปมีขนาด กว้าง 0.60 x 1.20 เมตร, 1.20 x 2.40 เมตร, 1.20 x 3.00 เมตร หรืออาจสั่งผลิตพิเศษได้
- ค่าสัมประสิทธิ์การถ่ายเทความร้อน (U-value):
- ค่า U-value บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการเป็นฉนวน ยิ่งค่า U-value ต่ำเท่าไหร่ ยิ่งเป็นฉนวนที่ดีเท่านั้น
- ผู้ผลิตมักจะระบุค่า U-value ของผลิตภัณฑ์ฉนวน ควรเปรียบเทียบค่านี้เมื่อเลือกใช้ในงานที่ต้องการประสิทธิภาพการกันความร้อนสูง
- การติดตั้งและอุปกรณ์เสริม:
- พิจารณาถึงวิธีการติดตั้งที่เหมาะสม เช่น การใช้กาวสำหรับโฟม EPS หรือตัวยึดเชิงกล
- ในงานผนังที่ต้องการความแข็งแรง อาจต้องมีการวางตะแกรงกรงไก่เพื่อช่วยในการยึดเกาะของปูนฉาบ และเสริมโครงสร้างเหล็กตามมาตรฐาน
การใช้งานโฟม EPS
โฟม EPS ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม เนื่องจากคุณสมบัติที่ยืดหยุ่นและโดดเด่น:
- งานก่อสร้างอาคารและโครงสร้าง:
- ผนังฉนวน (Sandwich Panel): เป็นวัสดุหลักในการผลิตผนังสำเร็จรูปสำหรับห้องเย็น, คลีนรูม, โรงงานอุตสาหกรรม, อาคารสำนักงาน, บ้านพักอาศัย ช่วยลดการถ่ายเทความร้อนและประหยัดพลังงาน
- ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา: ช่วยลดอุณหภูมิภายในอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ปรับระดับพื้น/ถมดิน: ใช้เป็นวัสดุรองพื้นเพื่อปรับระดับ หรือใช้ถมดินในบริเวณที่ต้องการลดน้ำหนักโครงสร้าง เช่น พื้นลอยน้ำ, พื้นทางเดิน
- ส่วนประกอบอาคาร: สามารถนำไปขึ้นรูปเป็นส่วนประกอบต่างๆ เช่น พื้น, ผนัง, หลังคา, บันได, รั้ว, บ่อเลี้ยงปลา, สระว่ายน้ำ โดยไม่จำกัดรูปทรง
- บ้านโฟม: นวัตกรรมการสร้างบ้านที่ใช้โฟม EPS เป็นวัสดุหลักในการก่อผนัง มีข้อดีคือน้ำหนักเบา ก่อสร้างรวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย และเป็นฉนวนกันความร้อนได้ดี
- ถนนและสะพาน: ใช้เป็นวัสดุรองรับน้ำหนักหรือลดแรงสั่นสะเทือน
- งานบรรจุภัณฑ์:
- ใช้เป็นวัสดุกันกระแทกสำหรับสินค้าบอบบาง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, ผลไม้, อาหารทะเลสด
- ผลิตเป็นกล่องโฟมสำหรับเก็บความเย็นหรือความร้อนของอาหารและเครื่องดื่ม
- งานศิลปะและประดิษฐ์:
- ใช้เป็นวัสดุสำหรับแกะสลัก, ทำโมเดล, หรือตกแต่ง เนื่องจากง่ายต่อการตัดและขึ้นรูป
- งานแพลอยน้ำ:
- ด้วยคุณสมบัติการลอยตัวสูงและไม่ดูดซึมน้ำ โฟม EPS จึงเหมาะสำหรับทำแพลอยน้ำ, ทุ่นลอยน้ำ หรือส่วนประกอบของบ้านลอยน้ำ
- งานเกษตรกรรม:
- เศษโฟมสามารถนำมาใช้เป็นวัสดุปลูกเพื่อเพิ่มโพรงอากาศให้กับดิน ช่วยระบายน้ำและอากาศได้ดี
การประยุกต์ใช้งาน EPS Foam ในงานก่อสร้าง
ผนังสำเร็จรูป (Sandwich Panels):
- นิยมใช้เป็นแกนกลางของผนังสำเร็จรูปสำหรับห้องเย็น, คลีนรูม, โรงงาน, อาคารสำเร็จรูป
- ผิวหน้ามักประกบด้วยแผ่นเหล็กเคลือบสี (Pre-painted Galvanized Steel – PPGI) หรือแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์
- ช่วยให้การก่อสร้างรวดเร็ว, น้ำหนักเบา, และมีประสิทธิภาพในการเป็นฉนวนสูง
ฉนวนกันความร้อนหลังคาและผนัง (Roof and Wall Insulation):
- ติดตั้งใต้หลังคา (เช่น หลังคาเมทัลชีท) หรือในโครงผนัง (เช่น ผนังเบา) เพื่อลดการถ่ายเทความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ภายในอาคาร ช่วยลดภาระของเครื่องปรับอากาศ
- สามารถใช้เป็นฉนวนภายในผนัง (Cavity Wall Insulation) หรือฉนวนภายนอก (Exterior Insulation and Finish Systems – EIFS)
วัสดุถมเบา (Geofoam):
- ใช้แทนวัสดุถมดินทั่วไปในงานวิศวกรรมโยธา เช่น การสร้างถนนบนพื้นที่อ่อน, การถมปรับระดับพื้นที่, การลดแรงกดด้านข้างบนกำแพงกันดิน, การสร้างทางลาด, หรือการถมในพื้นที่ที่มีปัญหาการทรุดตัว
- ข้อดีคือน้ำหนักเบามาก ช่วยลดน้ำหนักบรรทุกบนดินเดิม ลดปัญหาการทรุดตัว, ลดแรงกดด้านข้าง, และเร่งความเร็วในการก่อสร้าง
พื้นรองรับน้ำหนัก (Floor Insulation/Load-Bearing Fill):
- ใช้เป็นชั้นรองรับน้ำหนักใต้พื้นคอนกรีต หรือใต้พื้นลอยน้ำ เพื่อเป็นฉนวนกันความร้อน/ความเย็น และช่วยลดน้ำหนักของโครงสร้าง
- ใช้ในงานปรับระดับพื้นที่ที่ไม่สม่ำเสมอ หรือเป็นวัสดุรองรับในบ่อบำบัดน้ำเสีย เพื่อลดภาระโครงสร้าง
ส่วนประกอบของอาคารและงานตกแต่ง:
- นำไปแกะสลักหรือตัดขึ้นรูปเป็นชิ้นส่วนประดับอาคาร, บัวเชิงผนัง, คิ้วบัว, เสาโรมัน, หรือรูปปั้นต่างๆ เนื่องจากง่ายต่อการขึ้นรูปและน้ำหนักเบา
- ใช้เป็นแม่แบบในงานคอนกรีตหล่อ (Formwork) หรือในกระบวนการ Lost Foam Casting
บ้านโฟม (EPS Panel House / Insulated Concrete Forms – ICF):
- ระบบการก่อสร้างที่ใช้แผ่น EPS เป็นโครงสร้างหลักของผนัง และอาจมีการเทคอนกรีตเสริมเหล็กทับอีกชั้น (สำหรับ ICF)
- เป็นบ้านที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวนที่ดีเยี่ยม, ก่อสร้างรวดเร็ว, ประหยัดพลังงาน, และมีความแข็งแรงทนทานต่อแผ่นดินไหว
งานลอยน้ำและงานวิศวกรรมชายฝั่ง:
- ใช้เป็นทุ่นลอยน้ำ, แพ, หรือส่วนประกอบของโครงสร้างลอยน้ำต่างๆ เนื่องจากมีคุณสมบัติการลอยตัวสูงและไม่ดูดซึมน้ำ
การรีไซเคิล EPS Foam และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- การรีไซเคิล: EPS Foam เป็นวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% และถูกจัดอยู่ในกลุ่มพลาสติกรีไซเคิลประเภท #6 (Polystyrene – PS)
- กระบวนการรีไซเคิล:
- การรวบรวมและคัดแยก: รวบรวมโฟม EPS ที่ใช้งานแล้ว และคัดแยกสิ่งปนเปื้อน เช่น อาหาร, สิ่งสกปรก
- การลดขนาด: เนื่องจากโฟมมีปริมาตรมาก จึงต้องทำการลดขนาดโดยการบด (Shredding) หรืออัดแน่น (Compacting) เพื่อให้ง่ายต่อการขนส่งและจัดเก็บ
- การหลอมและอัดเม็ด (Pelletizing): โฟมที่ถูกลดขนาดแล้วจะถูกนำไปหลอมด้วยความร้อนและอัดออกมาเป็นเส้น แล้วตัดให้เป็นเม็ดพลาสติกเล็กๆ (Recycled Polystyrene Pellets)
- การนำกลับไปใช้ใหม่: เม็ดพลาสติกรีไซเคิลเหล่านี้สามารถนำไปผสมกับเม็ดพลาสติกใหม่เพื่อผลิตเป็นโฟม EPS ใหม่ได้, หรือนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ เช่น กรอบรูป, ไม้แขวนเสื้อ, หรือวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างที่ไม่ใช่โครงสร้าง
- กระบวนการรีไซเคิล:
- ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม:
- ไม่มีสาร CFCs/HCFCs: ในกระบวนการผลิต EPS Foam ไม่มีการใช้สารทำลายโอโซน (CFCs/HCFCs)
- ประหยัดพลังงาน: การใช้ EPS เป็นฉนวนกันความร้อนช่วยลดการใช้พลังงานในการทำความร้อน/ความเย็นในอาคาร ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวม
- น้ำหนักเบา: ช่วยลดการใช้พลังงานในการขนส่ง
- ทนทานและอายุการใช้งานยาวนาน: ลดความจำเป็นในการเปลี่ยนวัสดุบ่อยครั้ง
เปรียบเทียบ EPS Foam กับ XPS Foam (Extruded Polystyrene Foam)
EPS Foam และ XPS Foam เป็นโฟม Polystyrene ทั้งคู่ แต่ผลิตด้วยกระบวนการที่ต่างกัน ทำให้มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันเล็กน้อย
คุณสมบัติ 896_2f9c70-be> |
EPS Foam (Expanded Polystyrene) 896_b60f54-13> |
XPS Foam (Extruded Polystyrene) 896_ab2fcd-1e> |
---|---|---|
กระบวนการผลิต 896_916c6b-96> |
นึ่งเม็ด PS ให้ขยายตัวและหลอมรวมกันเป็นก้อน 896_65b182-c6> |
หลอมเม็ด PS แล้วอัดรีดผ่านหัวฉีด 896_411b03-7a> |
โครงสร้างเซลล์ 896_c85143-e8> |
เซลล์ปิด (Closed-Cell) ที่แยกจากกัน 896_5ba67d-46> |
เซลล์ปิด (Closed-Cell) ที่ต่อเนื่องและละเอียดกว่า 896_fb9d38-8b> |
สี 896_337b5a-63> |
สีขาว 896_7608e0-f0> |
มักเป็นสีฟ้า, ชมพู, เขียว หรือสีอื่นๆ ตามผู้ผลิต 896_814ff8-ce> |
การดูดซึมน้ำ 896_461fd2-4d> |
ต่ำ (แต่มักจะสูงกว่า XPS เล็กน้อย) 896_b0daca-0c> |
ต่ำมาก (กันน้ำได้ดีเยี่ยม) 896_3aaa13-b2> |
ค่าการนำความร้อน (k-value) 896_b25fdc-08> |
ประมาณ 0.032 – 0.040 W/(m⋅K)(ขึ้นอยู่กับความหนาแน่น) 896_6c6517-91> |
ประมาณ 0.029 – 0.035 W/(m⋅K) (มักจะต่ำกว่า EPS เล็กน้อย) 896_b930a7-a0> |
ความแข็งแรง 896_e08dde-14> |
แข็งแรงตามความหนาแน่น 896_b98443-bd> |
แข็งแรงกว่า EPS ในความหนาแน่นที่เท่ากัน 896_c62cc5-0c> |
ความยืดหยุ่น 896_90aa44-6c> |
ค่อนข้างยืดหยุ่นเล็กน้อย 896_4cb1d4-27> |
ค่อนข้างแข็งและเปราะกว่าเล็กน้อย 896_bb9a16-8b> |
ความหนาแน่น 896_1eb236-e1> |
หลากหลาย (0.6 – 3.0 lb/ft³ หรือสูงกว่า) 896_256411-30> |
หลากหลาย (1.5 – 6.0 lb/ft³ หรือสูงกว่า) 896_13cc3b-55> |
การใช้งานหลัก 896_1720ef-15> |
ฉนวนผนัง/หลังคา, Geofoam, บรรจุภัณฑ์, งานก่อสร้างทั่วไป 896_cb3ef2-71> |
ฉนวนกันความร้อนในพื้นที่ชื้น (เช่น ใต้ดิน, ใต้พื้น), ผนังห้องเย็น, พื้นห้องเย็น, งานที่ต้องการกำลังอัดสูงมาก 896_a22c50-3f> |
ราคา 896_4722a5-2a> |
โดยทั่วไปถูกกว่า XPS 896_71f08c-4f> |
โดยทั่วไปแพงกว่า EPS 896_01e20a-f9> |
สรุปการเลือกใช้ระหว่าง EPS กับ XPS
- สำหรับงานฉนวนกันความร้อนทั่วไป, งานก่อสร้างผนัง/หลังคาที่ไม่ต้องสัมผัสความชื้นสูง, หรือโครงสร้างที่ไม่ได้รับน้ำหนักมาก: EPS Foam เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพเพียงพอ
- สำหรับงานฉนวนในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงมาก (เช่น ชั้นใต้ดิน, ใต้พื้นดิน), หรือต้องการคุณสมบัติกันน้ำที่เหนือกว่า, หรืองานที่ต้องการกำลังอัดสูงมากๆ: XPS Foam อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แม้จะมีราคาสูงกว่า
ข้อควรระวังในการใช้งานโฟม EPS
- ความร้อน: แม้เกรด F จะไม่ลามไฟ แต่โฟม EPS ก็ยังไวต่อความร้อนสูง อาจเกิดการหดตัวหรือเสียรูปได้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงจัดโดยตรง
- สารเคมีบางชนิด: โฟม EPS อาจละลายหรือเสียหายได้เมื่อสัมผัสกับสารละลายบางชนิด เช่น ทินเนอร์, น้ำมันเบนซิน ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของวัสดุก่อนใช้งาน
- การติดตั้ง: ควรติดตั้งตามคำแนะนำของผู้ผลิต เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและมีความทนทาน
ขอรายละเอียดเพิ่มเติม
ขอใบเสนอราคา