ทำความรู้จักกับโฟม EPS บริษัท เอทีโฟม จำกัด : นวัตกรรมวัสดุก่อสร้างและบรรจุภัณฑ์เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
โฟม EPS หรือ Expanded Polystyrene ไม่ได้เป็นเพียงแค่ วัสดุบรรจุภัณฑ์ ทั่วไป แต่ยังเป็น ฉนวนความร้อน ประสิทธิภาพสูงที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางใน งานก่อสร้าง และอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วย คุณสมบัติเด่น ทั้งเรื่อง น้ำหนักเบา กันความร้อน กันเสียง ไม่ดูดซับน้ำ และ ราคาที่คุ้มค่า ทำให้โฟม EPS กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่มองหา วัสดุก่อสร้าง ที่มี ประสิทธิภาพสูง และเป็น มิตรต่อสิ่งแวดล้อม (สามารถ รีไซเคิล ได้)
เราจะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมของโฟม EPS ตั้งแต่ ประเภท คุณสมบัติเชิงลึก การ ใช้งาน ความปลอดภัย และ การบำรุงรักษา เพื่อให้คุณเข้าใจและสามารถเลือกใช้โฟม EPS ได้อย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด มาเริ่มกันเลย!
โฟม EPS คืออะไร?
คำตอบ : โฟม EPS ย่อมาจาก Expanded Polystyrene (เอ็กซ์แพนเดด โพลีสไตรีน) เป็นวัสดุพลาสติกชนิดหนึ่งที่ผลิตจากการขยายตัวของเม็ดพลาสติกโพลีสไตรีนด้วยไอน้ำร้อน จนเกิดเป็นโครงสร้างเซลล์ปิดที่มีฟองอากาศเล็กๆ จำนวนมากอยู่ภายใน ทำให้มีน้ำหนักเบาและมีคุณสมบัติเป็นฉนวนที่ดีเยี่ยม นิยมใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม
คุณสมบัติเด่นของโฟม EPS มีอะไรบ้าง?
คำตอบ: โฟม EPS มีคุณสมบัติเด่นหลายประการ ได้แก่:
น้ำหนักเบา: เป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบามาก ช่วยลดภาระในการขนส่งและติดตั้ง
เป็นฉนวนความร้อนและเสียงที่ดี: โครงสร้างเซลล์ปิดของ EPS ช่วยกักเก็บอากาศ ทำให้เป็นฉนวนกันความร้อนและเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทนทานต่อแรงกระแทก: มีความสามารถในการดูดซับแรงกระแทกได้ดี
ไม่ดูดซับน้ำ: มีคุณสมบัติกันน้ำได้ดี ไม่ดูดซับความชื้น
ทนทานต่อสารเคมีบางชนิด: สามารถทนทานต่อสารเคมีบางชนิดได้ดี
ราคาไม่แพง: เมื่อเทียบกับวัสดุฉนวนอื่นๆ โฟม EPS มีราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
ง่ายต่อการแปรรูป: สามารถตัด, ขึ้นรูป, และติดตั้งได้ง่าย
รีไซเคิลได้: โฟม EPS เป็นวัสดุที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้
โฟม EPS มีกี่ประเภทหลักๆ และแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร?
คำตอบ: โฟม EPS หลักๆ ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ตามกระบวนการผลิตและคุณสมบัติ คือ:
โฟม EPS ทั่วไป (White EPS): เป็นโฟม EPS สีขาวที่เราคุ้นเคย มีคุณสมบัติฉนวนความร้อนที่ดี เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น งานบรรจุภัณฑ์, ไส้กลางแผงฉนวน, และงานตกแต่ง
โฟม EPS ผสมกราไฟต์ (Gray EPS / Graphite EPS): เป็นโฟม EPS สีเทา มีการผสมอนุภาคกราไฟต์เข้าไปในกระบวนการผลิต ทำให้มีคุณสมบัติในการสะท้อนรังสีความร้อนและดูดซับความร้อนได้ดีกว่าโฟม EPS ทั่วไป จึงมีประสิทธิภาพเป็นฉนวนความร้อนที่สูงกว่า เหมาะสำหรับอาคารที่ต้องการประหยัดพลังงานเป็นพิเศษ
โฟม EPS นิยมนำไปใช้งานด้านใดบ้าง?
คำตอบ: โฟม EPS มีการนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในหลายอุตสาหกรรม เช่น:
งานก่อสร้าง:
ฉนวนกันความร้อน: ผนัง, หลังคา, พื้น, ห้องเย็น, อาคารประหยัดพลังงาน
ไส้กลางแผงแซนด์วิช (Sandwich Panel): สำหรับผนังและหลังคาสำเร็จรูป
วัสดุรองพื้น/ปรับระดับ: สำหรับงานถนนและงานฐานราก
งานตกแต่ง: คิ้วบัว, เสาโรมัน, ตัวอักษร, โลโก้
งานบรรจุภัณฑ์: กล่องบรรจุภัณฑ์กันกระแทกสำหรับสินค้าเปราะบาง, อาหาร, เครื่องดื่ม
งานศิลปะและงานฝีมือ: แกะสลัก, ทำแบบจำลอง, พร็อพประกอบฉาก
งานลอยตัว: ทุ่นลอยน้ำ, โฟมปูบ่อ, แพปลา
งานเกษตรกรรม: ถาดเพาะกล้า, วัสดุรองรับพืช
โฟม EPS แตกต่างจากโฟมชนิดอื่นๆ อย่างไร (เช่น EPE, XPS)?
คำตอบ: แม้จะดูคล้ายกัน แต่โฟม EPS มีความแตกต่างจากโฟมชนิดอื่นๆ เช่น EPE (Expanded Polyethylene) และ XPS (Extruded Polystyrene) ดังนี้:
EPS (Expanded Polystyrene):
กระบวนการผลิต: เม็ดพลาสติกถูกทำให้ขยายตัวด้วยไอน้ำ
โครงสร้างเซลล์: เซลล์ปิด แต่มีช่องว่างระหว่างเม็ดโฟมเล็กน้อย
ลักษณะ: เม็ดโฟมเล็กๆ เกาะรวมกันเป็นก้อน เห็นโครงสร้างเม็ดชัดเจน
การใช้งาน: เน้นฉนวนความร้อน, กันกระแทก, งานโครงสร้าง
XPS (Extruded Polystyrene):
กระบวนการผลิต: อัดรีดเม็ดพลาสติก
โครงสร้างเซลล์: เซลล์ปิดสนิท
ลักษณะ: เนื้อเรียบเนียนกว่า EPS, ความหนาแน่นสม่ำเสมอ
การใช้งาน: เน้นฉนวนความร้อนในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความต้านทานน้ำสูง เช่น ใต้ดิน, ใต้พื้น, ฉนวนห้องเย็นที่มีอุณหภูมิต่ำมากๆ
EPE (Expanded Polyethylene):
กระบวนการผลิต: โพลีเอทิลีนถูกทำให้ขยายตัว
โครงสร้างเซลล์: โครงสร้างยืดหยุ่นสูง
ลักษณะ: นุ่มนิ่ม, ยืดหยุ่นได้ดี, คืนตัวง่าย
การใช้งาน: เน้นงานกันกระแทกที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง, ห่อหุ้มสินค้า, แผ่นรองพื้น
โฟม EPS ทนความร้อนได้กี่องศาเซลเซียส?
คำตอบ: โดยทั่วไป โฟม EPS สามารถทนอุณหภูมิได้ประมาณ 70-80 องศาเซลเซียส หากอุณหภูมิสูงกว่านี้เป็นเวลานาน โฟมอาจเริ่มเสียรูปทรงหรือหดตัวได้ อย่างไรก็ตาม หากเป็น EPS เกรดพิเศษที่ผลิตขึ้นมาเพื่อทนความร้อนสูงโดยเฉพาะ ก็อาจทนได้ในอุณหภูมิที่สูงขึ้น
โฟม EPS ทนความร้อนได้กี่องศาเซลเซียส?
คำตอบ: โฟม EPS เป็นวัสดุที่ ติดไฟได้ หากสัมผัสกับเปลวไฟโดยตรง และจะเกิดควันดำ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีการผลิตโฟม EPS ชนิด หน่วงไฟ (Flame Retardant / FR Grade) ซึ่งมีการเติมสารหน่วงไฟเข้าไปในกระบวนการผลิต ทำให้ไม่ลามไฟเมื่อแหล่งกำเนิดไฟถูกกำจัดออกไป แต่ก็ยังคงเป็นวัสดุที่ติดไฟได้
ข้อควรระวัง:
หลีกเลี่ยงการติดตั้งในบริเวณที่อาจสัมผัสกับเปลวไฟโดยตรง
หากต้องใช้งานในบริเวณที่มีความเสี่ยง ควรเลือกใช้โฟม EPS ชนิดหน่วงไฟ
ควรติดตั้งร่วมกับวัสดุปิดผิวที่ทนไฟ เช่น แผ่นยิปซัม หรือโลหะ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
โฟม EPS ปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมหรือไม่?
คำตอบ: โฟม EPS ถือเป็นวัสดุที่ ปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่มีสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ และไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง จึงนิยมใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและยา
ในด้านสิ่งแวดล้อม โฟม EPS เป็นวัสดุที่:
รีไซเคิลได้ 100%: สามารถนำกลับมาบดและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ได้
ผลิตโดยไม่มีสาร CFCs/HCFCs: ไม่ทำลายชั้นโอโซนในชั้นบรรยากาศ
ลดการใช้พลังงาน: คุณสมบัติฉนวนความร้อนช่วยลดการใช้พลังงานในอาคาร ทำให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้
อย่างไรก็ตาม การจัดการขยะโฟม EPS ที่ไม่เหมาะสมอาจเป็นปัญหาได้ จึงควรส่งเสริมการรีไซเคิลอย่างถูกวิธี
การบำรุงรักษาโฟม EPS ทำได้อย่างไร?
คำตอบ: โฟม EPS เป็นวัสดุที่ ทนทานและแทบไม่ต้องบำรุงรักษา อย่างไรก็ตาม หากมีการติดตั้งภายนอกอาคาร ควรมีวัสดุปิดผิวที่ทนทานต่อสภาพอากาศ เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพจากรังสียูวี และหากมีการสึกหรอหรือเสียหายจากแรงกระแทก ก็สามารถซ่อมแซมได้โดยการเปลี่ยนหรือเติมโฟมใหม่เข้าไป
การบำรุงรักษาโฟม EPS ทำได้อย่างไร?
คำตอบ: ราคาของโฟม EPS ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยหลัก ได้แก่:
ความหนาแน่น (Density): โฟม EPS ที่มีความหนาแน่นสูงกว่า (เช่น 0.65, 0.80, 1.00 lb/ft³) จะมีราคาแพงกว่า เนื่องจากใช้เม็ดพลาสติกมากกว่าและมีคุณสมบัติที่ดีกว่า
ความหนา (Thickness): โฟมที่มีความหนามาก จะใช้ปริมาณวัสดุมากกว่า ทำให้ราคาสูงขึ้น
ขนาด (Dimension): ขนาดแผ่นที่ใหญ่ขึ้น อาจมีราคาต่อหน่วยสูงขึ้นเล็กน้อย
เกรดของโฟม: โฟม EPS ชนิดหน่วงไฟ (FR Grade) หรือชนิดผสมกราไฟต์ (Graphite EPS) จะมีราคาสูงกว่าโฟม EPS ทั่วไป
ปริมาณการสั่งซื้อ: การสั่งซื้อในปริมาณมาก (Wholesale) มักจะได้ราคาที่ถูกกว่า
ผู้ผลิต/ยี่ห้อ: แต่ละผู้ผลิตอาจมีโครงสร้างราคาที่แตกต่างกัน
ค่าขนส่ง: ระยะทางและวิธีการขนส่งก็มีผลต่อราคาโดยรวม
ความหนาแน่น (Density) ของโฟม EPS มีผลต่อคุณสมบัติและราคาอย่างไร?
คำตอบ: ความหนาแน่น (Density) เป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของโฟม EPS และส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพและราคา โฟม EPS มีความหนาแน่นหลากหลาย ตั้งแต่ประมาณ 0.65 lb/ft³ (ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต) ไปจนถึง 2.0 lb/ft³ หรือสูงกว่า โดย:
ความหนาแน่นต่ำ (เช่น 0.65 – 0.80 lb/ft³):
คุณสมบัติ: น้ำหนักเบามาก, ราคาถูก, เหมาะสำหรับงานที่ไม่ต้องการรับแรงมาก เช่น บรรจุภัณฑ์ทั่วไป, ไส้กลางแผงแซนด์วิชที่ไม่ได้รับน้ำหนักมาก, งานตกแต่งที่ไม่ต้องรับแรงกระแทก
ราคา: ถูกที่สุด
ความหนาแน่นปานกลาง (เช่น 1.00 – 1.25 lb/ft³):
คุณสมบัติ: มีความแข็งแรงและทนทานต่อแรงกดได้ดีขึ้น, เป็นฉนวนที่ดีขึ้น, เหมาะสำหรับงานก่อสร้างทั่วไป, งานพื้น, งานห้องเย็น, งานแกะสลักที่ต้องการรายละเอียด
ราคา: ปานกลาง
ความหนาแน่นสูง (เช่น 1.50 – 2.00 lb/ft³ ขึ้นไป):
คุณสมบัติ: มีความแข็งแรงและทนทานต่อแรงกดสูงมาก, สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี, มีค่าการเป็นฉนวนที่ดีเยี่ยม, เหมาะสำหรับงานวิศวกรรมที่ต้องการความแข็งแรงสูง เช่น โฟมถมถนน, ฐานราก, งานโครงสร้างลอยน้ำขนาดใหญ่
ราคา: สูงที่สุด
ค่า K-Value และ R-Value ในโฟม EPS คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร?
คำตอบ: ทั้ง K-Value (Thermal Conductivity) และ R-Value (Thermal Resistance) เป็นค่าที่ใช้วัดประสิทธิภาพการเป็นฉนวนความร้อนของวัสดุ:
K-Value (ค่าสัมประสิทธิ์การนำความร้อน): เป็นค่าที่บอกว่าวัสดุนั้นนำความร้อนได้ดีแค่ไหน ยิ่ง K-Value ต่ำ แสดงว่าวัสดุนั้นนำความร้อนได้ไม่ดี (เป็นฉนวนที่ดี) หน่วยที่ใช้ทั่วไปคือ W/(m⋅K) หรือ Btu⋅in/(hr⋅ft2⋅∘F)
สำหรับโฟม EPS: ค่า K-Value จะอยู่ระหว่าง 0.035−0.040W/(m⋅K) โดยประมาณ ยิ่งความหนาแน่นสูง ค่า K-Value มักจะต่ำลงเล็กน้อย (เป็นฉนวนดีขึ้น)
R-Value (ค่าความต้านทานความร้อน): เป็นค่าที่บอกว่าวัสดุนั้นต้านทานความร้อนได้ดีแค่ไหน ยิ่ง R-Value สูง แสดงว่าวัสดุนั้นต้านทานความร้อนได้ดี (เป็นฉนวนที่ดีมาก) R-Value เป็นค่าที่พบบ่อยในการระบุประสิทธิภาพฉนวนสำหรับงานอาคาร โดยคำนวณจากความหนาของวัสดุหารด้วยค่า K-Value
ความสำคัญ: ค่า K-Value และ R-Value ช่วยให้เราสามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพการเป็นฉนวนของวัสดุต่างๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม การเลือกใช้โฟม EPS ที่มี R-Value สูงเพียงพอ จะช่วยลดการถ่ายเทความร้อนเข้า-ออกอาคาร ทำให้ประหยัดพลังงานในการทำความเย็นหรือทำความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โฟม EPS มีอายุการใช้งานนานแค่ไหน?
คำตอบ: โฟม EPS เป็นวัสดุที่มี อายุการใช้งานยาวนานมาก หากติดตั้งอย่างถูกต้องและไม่ถูกทำลายจากปัจจัยภายนอก เช่น รังสียูวีโดยตรง, สารเคมีรุนแรง หรือการทำลายทางกายภาพ โฟม EPS สามารถคงสภาพและคุณสมบัติการเป็นฉนวนได้นานกว่า 50 ปี หรือเทียบเท่ากับอายุการใช้งานของตัวอาคารเอง เนื่องจากโครงสร้างเซลล์ปิดของมันไม่เสื่อมสภาพง่ายเมื่อเวลาผ่านไป
การติดตั้งโฟม EPS ทำได้อย่างไร และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง?
คำตอบ: การติดตั้งโฟม EPS ทำได้หลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับการใช้งาน:
การยึดติดด้วยกาว: ใช้กาวประเภทที่เข้ากันได้กับโฟม EPS (เช่น กาว PU, กาวลาเท็กซ์, หรือกาวเฉพาะสำหรับ EPS) ทาลงบนพื้นผิวและติดโฟมเข้าไป
การใช้สกรู/พุก: สำหรับงานโครงสร้างหรือผนัง อาจใช้สกรูหรือพุกยึดโฟมเข้ากับโครงสร้างหลัก
การเสียบเข้ากับโครงสร้าง: ในบางกรณี เช่น การทำแผงแซนด์วิช โฟมจะถูกแทรกเป็นไส้กลางระหว่างแผ่นปิดผิว
การตัดและขึ้นรูป: สามารถใช้เลื่อยไฟฟ้า, มีดร้อน, หรือเครื่องตัดลวดความร้อนในการตัดและขึ้นรูปโฟมได้ง่าย
ข้อควรระวังในการติดตั้ง:
หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง: รังสียูวีจากแสงแดดสามารถทำให้โฟม EPS เสื่อมสภาพและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้ง่าย ควรมีการปิดผิวหรือป้องกันแสงแดด
เลือกกาวให้เหมาะสม: กาวบางชนิด (เช่น กาวที่มีส่วนผสมของตัวทำละลายอินทรีย์รุนแรง) อาจทำปฏิกิริยากับโฟม ทำให้โฟมละลายหรือเสียรูปทรง
ป้องกันจากเปลวไฟ: ระมัดระวังประกายไฟหรือแหล่งความร้อนสูงระหว่างการติดตั้ง โดยเฉพาะหากใช้โฟม EPS เกรดปกติ
การระบายอากาศ: ในบางกรณีการตัดโฟมอาจมีฝุ่นละอองเล็กน้อย ควรมีการระบายอากาศที่ดี
การจัดการขยะ: เศษโฟมที่เหลือจากการติดตั้งควรถูกรวบรวมเพื่อนำไปรีไซเคิล
โฟม EPS มีความทนทานต่อปลวกและแมลงหรือไม่?
คำตอบ: โดยธรรมชาติแล้ว โฟม EPS ไม่ใช่แหล่งอาหารของปลวกหรือแมลง และไม่เป็นที่สนใจของพวกมัน อย่างไรก็ตาม ปลวกอาจสร้างโพรงหรือรังผ่านโฟม EPS เพื่อไปให้ถึงวัสดุที่เป็นแหล่งอาหารของพวกมัน (เช่น ไม้) ที่อยู่ด้านหลังโฟมได้ ดังนั้น หากติดตั้งโฟม EPS ในบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อปลวก ควรมีการป้องกันปลวกสำหรับโครงสร้างอาคารโดยรวมด้วย
การรีไซเคิลโฟม EPS ทำได้อย่างไร และมีความสำคัญแค่ไหน?
คำตอบ: โฟม EPS เป็นวัสดุที่ รีไซเคิลได้ 100% และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหากมีการจัดการที่เหมาะสม กระบวนการรีไซเคิลหลักๆ มีดังนี้:
การรวบรวม: รวบรวมเศษโฟม EPS จากโรงงานอุตสาหกรรม, ไซต์ก่อสร้าง, หรือศูนย์รับรีไซเคิล
การบดอัด: นำโฟมที่รวบรวมได้มาบดอัดให้มีขนาดเล็กลง เพื่อลดปริมาตรและง่ายต่อการขนส่ง
การหลอม/อัดเม็ด: บดโฟมให้เป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นนำไปหลอมหรืออัดเม็ด (Pelletizing) เพื่อให้ได้เม็ดพลาสติกโพลีสไตรีนบริสุทธิ์กลับมา
การนำไปแปรรูปใหม่: เม็ดพลาสติกโพลีสไตรีนรีไซเคิลนี้สามารถนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ได้หลากหลาย เช่น กรอบรูป, ไม้แขวนเสื้อ, บรรจุภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ หรือแม้กระทั่งโฟม EPS ใหม่
ความสำคัญของการรีไซเคิล:
ลดปริมาณขยะ: ช่วยลดปริมาณขยะโฟม EPS ที่จะไปฝังกลบ
ประหยัดทรัพยากร: ลดการใช้วัตถุดิบใหม่ในการผลิต
ลดการใช้พลังงาน: การรีไซเคิลใช้พลังงานน้อยกว่าการผลิตจากวัตถุดิบใหม่
ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลภาวะ
บทสรุป: โฟม EPS ทางเลือกที่คุ้มค่าและยั่งยืน
โดยสรุปแล้ว โฟม EPS เป็นมากกว่าแค่พลาสติกเบาๆ แต่คือ วัสดุอเนกประสงค์ ที่มีบทบาทสำคัญในหลากหลายอุตสาหกรรม ด้วย คุณสมบัติเด่น ด้าน ฉนวนความร้อน และ ฉนวนกันเสียง ที่ยอดเยี่ยม, น้ำหนักเบา, ไม่ดูดซับน้ำ, และความ ทนทาน มันได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสำหรับทั้ง งานก่อสร้าง อาคารประหยัดพลังงาน, บรรจุภัณฑ์ เพื่อการขนส่งที่ปลอดภัย, ไปจนถึงงานวิศวกรรมเฉพาะทาง
ยิ่งไปกว่านั้น การที่โฟม EPS เป็นวัสดุที่ ปลอดภัยต่อสุขภาพ และสามารถ รีไซเคิล ได้ 100% ยังตอกย้ำถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสอดรับกับแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน การเลือกใช้โฟม EPS จึงไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ด้านประสิทธิภาพและเศรษฐศาสตร์ แต่ยังเป็นการลงทุนในอนาคตที่ยั่งยืนอีกด้วย